นายแพทย์ อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัด นครศรีธรรมราช โพสต์อุทาหรณ์ คนไข้หัวใจเต้นผิดจังหวะอันตรายถึงชีวิต ผ่านเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat โดยระบุว่า คนไข้หญิงรายนี้ อายุ 69 ปี มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง กินยาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเป็นประจำ
เช้ามืดเวลาประมาณ 06 15 น ญาติไปพบผู้ป่วยนอนแน่นิ่ง เหมือนเกร็ง กัดฟัน เรียกไม่รู้สึกตัว จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้าน ถึงโรงพยาบาล วัดความดันได้ 60/30 mmhg ชีพจร 45 ต่อ นาที จนวัดไม่ได้
ในเวลาต่อมาหายใจช้าลงจนหยุดหายใจ ออกซิเจนในเลือดเหลือเพียง 60% แพทย์เวรจึงรีบใส่ท่อช่วยหายใจและปั๊มหัวใจ ให้ยากระตุ้นหัวใจ 8 หลอด ใช้เวลา 45 นาที จนคนไข้เริ่มฟื้นขยับแขนขาได้ และรีบประสานส่งตัวมายังโรงพยาบาลสิชล ถึงเวลาประมาณ 8 30 น ทีมแพทย์ได้เตรียมผู้ป่วยเข้าห้องไอซียูทันที
หลังรับคนไข้ทีมแพทย์ได้ตรวจสภาพร่างกายโดยละเอียด รวมถึงเอคโคหัวใจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอกซเรย์ทรวงอก ตรวจดูค่าเกลือแร่ในเลือด วิเคราะห์หาสาเหตุว่าคนไข้มีภาวะหัวใจล้มเหลวแบบเฉียบพลันได้อย่างไร จึงให้มีการติดเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจ สัญญาณชีพตลอด 24 ชั่วโมง ใส่เครื่องช่วยหายใจไว้ยังหายใจเองไม่ได้
ในระหว่างอยู่ไอซียู พยาบาลสังเกตเห็นว่าคลื่นหัวใจเต้นแบบผิดจังหวะมาเป็นระยะๆ จนทำให้ความดันเลือดลดต่ำลงไปอีก จึงรายงานแพทย์ พบว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและหยุดเต้นในเวลาต่อมาได้ จึงรีบให้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ
ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะต้องค้นหาต่อไปและรักษาเฉพาะเจาะจงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ และหากพบเห็นคนไข้แบบนี้ล้มฟุบตรงหน้า การช่วยฟื้นคืนชีพด้วยเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจเออีดี ช่วยได้
อย่างไรก็ตาม คุณหมอได้ทิ้งท้ายว่า ใจสั่นผิดปกติ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม จุกแน่นขึ้นคอ จู่ๆ อ่อนเพลียไม่มีแรง นอนราบไม่ได้ สัญญาณเตือนว่าคุณอาจเข้าข่ายอาการของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะลามไปสู่โรคใหลตายที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจเต้นผิดจังหวะ