จากสถานการณ์ไฟไหม้ป่าลุกลามบนยอดอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัด เลย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 63 ลุกลามเป็นวงกว้าง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ระดมสกัด ทำแนวกั้นเพื่อไม่ให้ไฟลุกลามเพิ่มเติม ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เพจส่วนประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า เร่งดับไฟป่าภูกระดึง คาดเสียหายหนักกว่า 2 พันไร่ ด้านเจ้าหน้าที่เร่งคุมเพลิงทั้งทำแนวกันไฟ และชิงเผาให้อยู่ในวงจำกัดตลอดทั้งคืน
นายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการดับไฟป่า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ มีไฟป่าเกิดขึ้นบริเวณซำขอนแดง เจ้าหน้าที่ กอ ไฟป่าภูกระดึงร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 10 นาย ออกปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่โดยจุดเกิดไฟป่าห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 2 กิโลเมตร
แต่ด้วยสภาพความแห้งแล้งประกอบกับสภาพกระแสลมพัดแรงทำให้เกิดลูกไฟพัดลอยข้ามแนวกันไฟมาตกในพื้นที่บริเวณหลังแปห่างจากขอบหน้าผาประมาณ 400 เมตร บริเวณผาเมษ
เวลา 11 00 น ไฟป่าบริเวณผาเมษา พิกัดได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการได้ร่วมกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ กอ ไฟป่าภูกระดึง จำนวน 32 นายและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำนวน 60 นาย และผู้ประกอบการ และจิตอาสา รวมทั้งสิ้น จำนวน 130 นาย
เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพร้อมด้วยรถแทรกเตอร์ จำนวน 3 คัน รถน้ำ จำนวน 4 คัน โดยการทำแนวกันไฟและชิงเผากลับตามเส้นทางหลังแป วังกวาง และเส้นทางหลังแป หมากดูก สระใหญ่ เบื้องต้นสามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว
ประเมินพื้นที่เสียหายประมาณ 2000 ไร่ พื้นที่เสียหายแบ่งตามแบ่งตามชนิดป่า ป่าสน ป่าก่อ และทุ่งหญ้า
ต่อมาเวลา 17 00 น ไฟป่าบริเวณเส้นทางผาหมากดูก ได้ข้ามแนวควบคุมและขยายตัวไปทางสระแก้ว จึงได้สั่งการให้แบ่งกำลังไปควบคุม โดยใช้วิธีทำแนวกันไฟและชิงเผากลับจากเส้นทางองค์พระพุทธเมตตา สระแก้ว สะพานหิน สระอโนดาษ โดยคาดว่ามีพื้นที่เสียหายประมาณ 1400 ไร่
ล่าสุด ช่วงเช้าวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้รายงานผลการดำเนินการควบคุมไฟป่า ได้ดำเนินการดับเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 02 00 น ประเมินพื้นที่เสียหายทั้งสิ้นประมาณ 3400 ไร่
นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เผยว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นบนยอดภูกระดึงในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 8 ปี ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2559 สูญเสียพื้นที่ป่าสน ซึ่งเป็นเสน่ห์ของภูกระดึงไปกว่า 2000 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครั้งนี้ พื้นที่ที่เสียหาย ส่วนใหญ่เป็นป่าต้นสนสองใบและสนสามใบ ซึ่งนับว่าเป็นความเสียหายมากสุด ในรอบ 20 ปี ของการเกิดไฟไหม้ป่าบนภูกระดึง