ว่ากันว่า น้ำมูก จะมีรสชาติคล้ายๆ กับน้ำตา เพราะน้ำมูกมีส่วนผสมของ โปรตีน น้ำ สารภูมิต้านทาน และเกลือละลาย ซึ่งน้ำมูกปกติที่พวกเรามีจะเป็นสีใสๆ ไม่มีกลิ่น และหนืดๆ ซึ่งน้ำมูกจะช่วยทำให้จมูกไม่แห้งจนเกินไป หรือป้องกันฝุ่นเข้าในระบบทางเดินหายใจ เรียกได้ว่าเป็น ปัญหาสุขภาพ ที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย
สำหรับใครที่เข้าใจว่า มีน้ำมูก ก็หมายถึงว่า เราเป็นหวัด ต่อไปคงจะต้องเลือกคิดแบบนั้นแล้ว เพราะจริงๆ น้ำมูกจะช่วยบอกโรคให้คุณได้ เพียงคุณสังเกตสีของมัน ซึ่งน้ำมูกสามารถบอกโรคที่ต้องระวังได้ ดังนี้
น้ำมูลสีใส มีความหนืดปกติ จะมาจากอาการหวัด หรือร้องไห้ติดต่อกันนานๆ ที่มีน้ำมูกออกมา ก็เพื่อจะทำให้โพรงจมูกไม่แห้งจนเกินไป ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หาย ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพอะไรที่ใหญ่โต
เยื่อบุจมูกบวม เลยทำให้น้ำมูกขังอยู่ในโพรงจมูก หรือกินนมเยอะๆ ก็เป็นเหตุที่ทำให้น้ำมูกมีสีขาวเหมือนกัน เพราะว่ามีไขมันในผลิตภัณฑ์จะทำให้น้ำมูกเสียความชุ่มชื้น อาจมีเสมหะ เหียวได้
อาจจะมีเชื้อแบคทีเรียนอยู่ในจมูก หรือไซนัสได้ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำปฏิกิริยาต่อต้านเชื้อแบคทีเรียน เซลล์เม็ดเลือดขาวและแบคทีเรียที่ตายแล้วจะรวมตัวกัน เป็นน้ำมูกสีเหลือง
คุณอาจจะมีริดสีดวงจมูก เกิดขึ้นเพราะว่าเยื่อบุจมูก หรือไซนัสไปรวมตัวกันอยู่ที่โพรงจมูก แต่ไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่อย่างใด เป็นเพียงการอักเสบของเยื่อบุจมูกเท่านั้น สาเหตุหลัก มาจาก โรคภูมิแพ้ โรคหืด
ร่างกายกำลังต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เกิดขึ้นเพราะว่าติดเชื้อแบคทีเรียนภายในจมูก ซึ่งโพรงจมูกจะบวมขึ้น ทำให้น้ำมูกติดอยู่ข้างใน กลายเป็นที่สะสมของเชื้อรา
เส้นเลือดในโพรงจมูกแตก ทำให้เลือดปนออกมากับน้ำมูก เกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ เช่น ระคายเคืองจมูก อักเสบในโพรงจมูก เนื้องอก หรือโรคหลอดเลือดต่างๆ ถ้าเป็นแบบนี้ควรไปพบแพทย์จะดีกว่า ถ้าโชคร้ายอาจเป็น มะเร็งโพรงจมูก ได้
พบได้จากผู้ที่สูบบุหรี่ หรรือยานัตถ์มากๆ หรือ หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะทางอากาศมากๆ (ควันรถ หรือควันที่เป็นสารพิษ) ต่อจากนี้ไป อย่าลืมสังเกตสีน้ำมูก เพื่อให้รู้ตัวเองมีความเสี่ยงจะเป็นโรคอย่างที่ว่าหรือเปล่า เพราะถ้ามีแนวโน้มหรืออะไร ก็รีบไปหาหมอจะดีกว่า ดีกว่าปล่อยให้มันกลายเป็น โรคร้ายแรง แต่ถ้าคุณเป็นแค่น้ำมูกสีใสๆ ก็หมดห่วงเรื่องอย่างว่าไปเลย