ท่านอบูฮุรอยเราะห์ (รฎ.) จึงกล่าวแก่ฉันว่า : “เจ้าจงอย่าเดินเบื้องหน้าบิดาของเจ้า แต่จงเดินข้างหลังหรือข้าง ๆ และเจ้าจงอย่าให้ผู้ใดมาคั่นกลางระหว่างเจ้ากับบิดาของเจ้า และเจ้าจงอย่าเดินเหนือหลังคาบ้านบิดาของเจ้า และจงอย่ากินเนื้อจนเหลือแต่กระดูกขณะที่บิดาของเจ้ามองดูก้อนเนื้อนั้นเพราะบางทีเขาอาจจะอยากลิ้มลองบ้างก็เป็นได้”
และได้ถูกระบุไว้ในตำราอุยูนอัลอัคบ๊าร ว่า: คอลีฟะห์อัลมะอ์มูนแห่งราชวงศ์อับบาซีย์ ได้เคยกล่าวว่า : ฉันมิเคยเห็นผู้ใดที่จะปฏิบัติดีต่อบิดาของเขาเหมือนอย่างที่อัลฟัฎล์ อิบนุ ยะห์ยาได้ปฏิบัติ เขาปฏิบัติกับบิดาของเขาจนถึงขั้นที่ว่า ยะห์ยานั้นจะไม่อาบน้ำละหมาดนอกเสียจากน้ำนั้นต้องเป็นน้ำอุ่นเท่านั้นและขณะที่พ่อลูกทั้งสองได้ต้องราชทัณฑ์จนติดคุก
ผู้คุมคุกหลวงก็ห้ามบุคคลทั้งสองนำเอาไม้ฟืนเข้าไปข้างในคุกในค่ำคืนอันหนาวเหน็บ อัลฟัฎล์ ผู้เป็นลูกก็ลุกขึ้นจากที่นอนของผู้เป็นพ่อไปหยิบกาต้มน้ำแล้วใส่น้ำจนเต็มกาใบนั้น ต่อมาเขาก็อังกาน้ำนั้นกับเปลวไฟของตะเกียง เขาคงยืนอยู่เช่นนั้นโดยมีกาน้ำอยู่ในมือจนรุ่งสาง ที่เขาทำเช่นนั้นก็เพื่อให้บิดาของตนได้มีน้ำอุ่นเอาไว้สำหรับการอาบน้ำละหมาด”
และมีอยู่ครั้งหนึ่ง ซอและห์ อัลอับบาซีย์ ได้มายังที่ประชุมของคอลีฟะห์อัลมันซู๊รแห่งราชวงศ์อับบาซียะห์ ซอและห์ได้พูดคุยกับค่อลีฟะห์และบ่อยครั้งที่เขามักกล่าวว่า “บิดาของฉัน ขอพระองค์อัลลอฮทรงเมตตาต่อเขาด้วย” จนกระทั่งอัรร่อบีอ์ ผู้เป็นหลวงศักดิ์นายเวรขององค์คอลีฟะห์ได้กล่าวกับซอและห์ว่า : ท่านจงอย่ากล่าวขอความเมตตาต่อบิดาของท่านจนมากเกินไปต่อหน้าท่านอะมีรุ้ลมุอ์มีนีน”