และลงมือคัดลอกข้อความที่ปรากฏในแต่ละคัมภีร์ ด้วยการคัดลายมืออย่างบรรจงวิจิตรและสวยงามยิ่ง แต่ทว่าเขามีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความถูกต้องของแต่ละศาสนาที่เป็นเจ้าของคัมภีร์ทั้งสามเล่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้อาศัยวิธีการเพิ่มเติมและตัดทอนถ้อยความในคัมภีร์ที่เขาได้คัดลอกอย่างวิจิตรบรรจง
เมื่อ คัดลอกเสร็จสิ้น ชายผู้นี้ก็ได้นำคัมภีร์เตารอตไปเสนอ แก่บรรดานักปราชญ์ชาวยิว พวกนักปราชญ์ชาวยิวเมื่อเห็นว่าเป็นคัมภีร์อัตเตารอตที่ถูกคัดลอกอย่างงด งามก็พากันจูบคัมภีร์นั้นและเปิดดูในแต่ละหน้าอย่างพินอบพิเทา แถมยังได้มอบทรัพย์สินจำนวนหนึ่งให้แก่ชายผู้นี้เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติ
ต่อมาชายผู้นี้ได้นำคัมภีร์ อัลอินญิล (ใบเบิ้ลใหม่) ซึ่งเขาได้บรรจงคัดลอกอย่างสวยงามด้วยมือของเขาเอง เสนอแก่เหล่าบาทหลวงในคริสตศาสนา ฝ่ายนี้เมื่อพบว่าเป็นคัมภีร์ที่ได้รับการคัดลอกอย่างดีและมีลายมือเขียนที่งดงามก็ขอซื้อชายผู้นี้ด้วยทรัพย์สินในราคาสูง อีกทั้งยังแสดงความให้เกียรติแก่ชายผู้นี้อีกด้วย
ครั้น ต่อมาภายหลังเขาก็ได้นำเอาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับคัดลอกของตนที่ได้ทุ่มเทคัดลอกอย่างสวยงามเสนอแก่เหล่านักวิชาการ มุสลิม ครั้นเมื่อเหล่านักวิชาการมุสลิมได้มองดูถ้อยความในคัมภีร์เล่มดังกล่าว พวกเขาก็พบว่ามีการเพิ่มเติมถ้อยความบางส่วนและมีอีกบางส่วนตกหล่น จึงได้จับกุมชายผู้นี้เอาไว้และ พร้อมยังได้เฆี่ยนตีชายผู้นี้อีกด้วย จนในที่สุดเรื่องของชายผู้นี้ก็ถูกนำแจ้งให้ซุลตอนได้ทรงทราบเพื่อชำระคดี ความ
และแล้วซุลตอนก็ได้ตัดสินให้ประหารชีวิตชายผู้นี้ด้วยข้อหาบิดเบือนคัมภีร์อัลกุรอาน เมื่อเพชรฆาตจะลงมือประหาร ชายผู้นี้ก็ได้ชิงประกาศการเข้ารับอิสลามของตนและบอกเรื่องราวที่มาของตนแก่เหล่าชนมุสลิมให้ทราบว่า เขาได้ทำการทดสอบศาสนาต่าง ๆ ทั้งสามและเขาก็รู้แล้วในบัดนี้ว่า ศาสนาอิสลามคือศาสนาแห่งสัจธรรม”
พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ.) ได้ทรงมีพระดำรัสว่า : “แท้จริงเราได้ประทานอัซซิกุร (หมายถึงอัลกุรอาน) ลงมา และแท้จริงเราเป็นผู้พิทักษ์อัลกุรอ่านนั้น” (อัลฮิจรุ 9) การพิทักษ์พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านของพระองค์นั้นคือ การปกปักษ์รักษาอัลกุรอ่านจากการเพิ่มเติม การตัดทอนที่บกพร่อง การเปลี่ยนแปลงในรูปต่าง ๆ และเมื่อพระองค์ทรงมีดำรัสแจ้งว่าพระองค์ทรงเป็นผู้พิทักษ์อัลกุรอ่านด้วยพระองค์เองก็ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถกระทำการใด ๆ ที่บิดเบือนต่ออัลกุรอานได้เลยแม้แต่น้อย