เงื่อนไขในการบริจาคอวัยวะ
คำถาม
อิสลามมีหลักการอย่างไรเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะให้กับผู้ที่มีความต้องการ เมื่อเราได้เสียชีวิตไปแล้ว
บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮฺ
คำตอบ
จากคำตอบของคำถามหมายเลข 49711 นั้น ได้กล่าวถึงมุมมองของนักวิชาการที่อนุญาตให้ทำการบริจาคอวัยวะได้ ตราบใดที่การบริจาคอวัยวะนั้นไม่ได้ทำให้ผู้บริจาคถึงแก่การเสียชีวิต
ซึ่งเป็นคำตอบที่นำมาจากประชุมหารือกันขององค์กร Islamic Fiqh Council of the Organization อันประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาขาฟิกฮฺ การแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ จำนวนมาก และได้นำผลการประชุมทั้งหมดจากองค์กรดังกล่าว มาตอบคำถามนี้ด้วย เนื่องจากมีข้อมูลที่ประกอบไปด้วยข้อมูลด้านการแพทย์และด้านชารีอะ
และจากบทความหมายเลขที่ 26 (ในวาระการประชุมของคณะกรรมการ Islamic Fiqh Council ณ เมือง เจดดาฮฺ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 6-11 ก.พ. คศ. 1988) ซึ่งกล่าวถึงบุคคลที่ได้รับประโยชน์จากการได้รับการบริจาคอวัยวะ จากทั้งผู้ที่มีชีวิตอยู่และได้เสียชีวิตไปแล้ว ว่า
อันดับแรก ได้ กำหนดคำนิยามของคำว่า อวัยวะ ว่า คือทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อ เซลล์ เลือด หรืออย่างอื่นเช่น กระจกตา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคงติดอยู่หรือได้แยกออกจากร่างกายไปแล้ว
อันดับที่สอง ได้ กำหนดคำว่า “การใช้หรือการได้รับประโยชน์จากการรับบริจาคอวัยวะนั้น” จะอยู่ภายใต้ข้อตกลงที่ว่า ผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นเป็นไปตามความจำเป็น เพื่อเป็นการรักษาชีวิตไว้หรือเพื่อทำให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายสามารถทำงานต่อไปได้ เช่น ความสามารถในการมองเห็นหรืออื่น ๆ โดยที่ผู้ขอรับบริจาคอวัยวะนั้นจะต้องอยู่ในเงื่อนไขของกฎชารีอะฮฺ
อันดับที่สาม คือการกล่าวถึงประเภทของผลประโยชน์ที่ผู้รับบริจาคอวัยวะจะได้รับ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
ประเภทที่ 1 คือ การได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่
ประเภทที่ 2 คือ การได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว
ประเภทที่ 3 คือ การได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจากทารก (ตัวอ่อน)
ขยายความจากประเภทที่ 1 คือ การได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มีรายละเอียดดังนี้
- แบบแรกคือ การปลูกถ่ายอวัยวะจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งเกิดในผู้ป่วยคนเดียวกัน เช่น การปลูกถ่ายผิวหนัง กระดูกอ่อน กระดูก เส้นเลือด เลือด และอื่น ๆ
- แบบที่สองคือ การปลูกถ่ายอวัยวะจากร่างกายของคนหนึ่ง ไปยังร่างกายของอีกคนหนึ่ง
อวัยวะในที่นี้นั้น ยังอาจแบ่งได้เป็นอวัยวะที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อร่างกาย ซึ่งจะหมายถึงอวัยวะที่ร่ายกายมีเพียงชิ้นเดียว เช่น หัวใจและตับ ส่วนอวัยวะอีกประเภทหนึ่งคือ อวัยวะที่ประกอบด้วยกันมากกว่าหนึ่งชิ้น เช่น ไตและปอด ซึ่งถือว่ามีความสำคัญรองลงมาเมื่อเทียบกับแบบแรก อวัยวะประเภทนี้นั้นบางส่วนมีหน้าที่ควบคุมการทำงานพื้นฐานให้กับร่างกายและ บางส่วนก็ไม่ได้ทำหน้าที่นั้น บางส่วนสามารถเกิดขึ้นมาใหม่ได้โดยธรรมชาติ เช่น เลือด แต่บางส่วนก็เกิดขึ้นมาใหม่เองไม่ได้ โดยอวัยวะบางอย่างอาจมีอิทธิพลต่อผู้สืบสกุลหรือพันธุกรรมของแต่ละบุคคล เช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ หรือเซลล์ต่าง ๆ ของระบบประสาท แต่อวัยวะบางอย่างก็ไม่ได้มีอิทธิพลใด ๆ ต่อพันธุ์กรรมหรือระบบประสาทเลย
ขยายความจากประเภทที่ 2 คือ การรับการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว มีรายละเอียดดังนี้
คำว่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ยังแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ
1. ผู้ที่สมองตายไปแล้ว อันส่งผลให้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายไม่ทำงานอีกต่อไปแล้วและไม่สามารถรักษาให้กลับมามีสภาพเดิมได้อีก
2. ผู้ที่หัวใจและกระบวนการหายใจไม่ทำงานอีกแล้วและไม่สามารถรักษาให้กลับมามีสภาพเดิมได้อีก
(ซึ่งมติสำหรับผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 2 ประเภทนี้ได้มีข้อตัดสินตกลงจากคณะกรรมการในวาระที่ 3 ของการประชุม)
ขยายความจากประเภทที่ 3 คือ การรับการปลูกถ่ายอวัยวะจากทารก (ตัวอ่อน)
ทารกในที่นี้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. ทารกที่เกิดมาจากการแท้งเองโดยธรรมชาติ
2. ทารกที่เกิดมาจากการแท้งเนื่องมาจากความจำเป็นทางการแพทย์หรือทางกฎหมาย
3. ทารกที่เกิดมาจากผสมน้ำเชื้อภายนอกมดลูก
ตามกฎชารีอะแล้ว การปลูกถ่ายอวัยวะจะอธิบายได้ดังนี้
1. เป็น ที่อนุมัติสำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เมื่อการปลูกถ่ายอวัยวะนั้น เป็นการปลูกถ่ายบนร่างกายของผู้ป่วยคนเดียวกัน แต่ต้องแน่ใจว่าการปลูกถ่ายอวัยวะนี้จะให้ประโยชน์มากกว่าเมื่อเทียบกับผล เสียที่ผู้ป่วยจะได้รับ เมื่อจะต้องมีการสูญเสียหรือการซ่อมแซมอวัยวะในส่วนต่าง ๆ จากสภาพเดิม หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงอวัยวะบางส่วนที่มีความพิการ ซึ่งอาจจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตและร่างกาย
2. เป็นที่อนุมัติสำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะจากจากร่างกายของคนหนึ่ง ไปยังร่างกายของอีกคนหนึ่ง ถ้าอวัยวะเหล่านั้น ร่างกายสามารถสร้างใหม่ได้เองโดยธรรมชาติ เช่น เลือด หรือผิวหนัง แต่ผู้บริจาคนั้นจะต้องคุณสมบัติที่เหมาะสมและเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎชารีอะ
3. เป็น ที่อนุมัติในการรับอวัยวะจากบุคคลอื่น เมื่อผู้บริจาคอวัยวะนั้นมีความเจ็บป่วย เช่นการรับกระจกตามาจากผู้ป่วยที่มีความจำเป็นจะต้องเอาดวงตาออก ซึ่งมีผลมาจากการเป็นโรคหรือความเจ็บป่วยของเขา
4. ไม่เป็นที่อนุมัติในการปลูกถ่ายอวัยวะหรือรับอวัยวะ เมื่ออวัยวะนั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกายของผู้ที่มี ชีวิตอยู่หรือจากบุคคลอื่น (เช่น หัวใจ)
5. ไม่เป็นที่อนุมัติในการปลูกถ่ายอวัยวะจากคนที่มีชีวิตอยู่ เมื่อการย้ายอวัยวะนั้นจะส่งผลให้การทำงานที่จำเป็นของร่ายกายสูญเสียไป แม้ว่าชีวิตของเขาไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้อวัยวะส่วนนั้นก็ตาม เช่นการนำกระจกตาออกจากดวงตาทั้งสองข้าง แต่ถ้าเขายังคงมีอวัยวะส่วนอื่นทำงานได้ ภายหลังจากสูญเสียอวัยวะไปแล้ว ในกรณีนี้ให้พิจารณาข้อตกลงจากที่ประชุมที่จะได้กล่าวเอาไว้ในวาระที่ 8
6. เป็นที่อนุมัติในการรับอวัยวะมาจากผู้ที่เสียชีวิตแล้ว มาให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่ออวัยวะนั้นมีความจำเป็นต่อชีวิตหรือร่าง กายของผู้ป่วย (จำเป็นต่อหน้าที่การทำงานพื้นฐานหลัก ๆของร่างกาย) ซึ่งเงื่อนไขในการการรับอวัยวะจากผู้ที่เสียชีวิตนั้น จะต้องได้รับการเห็นชอบหรือการยินยอมจากผู้บริจาคก่อนที่เขาจะเสียชีวิต หรือเป็นการยินยอมจากทายาทของผู้ตาย หรือเป็นการยินยอมจากผู้ที่มีอำนาจจากผู้ที่ดูแลคนในชุมชนของมุสลิมในกรณี ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้เสียชีวิตนั้นคือใคร หรือในกรณีที่ผู้เสียชีวิตนั้นไม่มีทายาท
7. นอกนี้การปลูกถ่ายอวัยวะนั้นเป็นที่อนุมัติในข้างต้นนั้น จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอวัยวะ เพราะไม่เป็นการอนุมัติในการที่จะค้าอวัยวะของมนุษย์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกรณีใด ๆ ก็ตาม
ส่วนในกรณีที่ผู้รับ อวัยวะจะใช้เงินเพื่อให้ได้รับอวัยวะมานั้น ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือเป็นการจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าทดแทนหรือเป็นการให้ เกียรติแก่ผู้บริจาคอวัยวะนั้น ในกรณีนี้จะเกี่ยวข้องกับกฎหมายของอิสลามซึ่งจะต้องทำการพิจารณาต่อไปอีก
8. ในกรณีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับปลูกถ่ายอวัยวะนี้ จะได้มีการศึกษาพิจารณากันต่อไปในการประชุมครั้งหน้าภายใต้หัวข้อของข้อมูล ทางวิทยาการทางการแพทย์และกฎชารีอะ (the light of medical data and shar’i rulings)
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากคำตอบของคำถามหมายเลข 2159
และพระองค์อัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง
ที่มา http://www.islamqa.com/en/ref/107690/deceased%20donation
แปลโดย นูรุ้ลนิซาอฺ