เพื่อนๆๆ ก่อนไปลองอ่านตรงนี้ก่อน...มันจะเป็นแบบนี้รึป่าว กลัวอ่ะ
ใจจริงอยากจะตอบทุกความเห็นของทุกคนแต่ขอติดไว้ก่อนค่ะ บอกได้สั้นๆว่าชีวิตแต่ละคน ทุกคนคิดไม่เหมือนกัน
ต่อเลยนะค่ะ
หลังจากที่ได้รู้จักแอม เพื่อนคนที่ไม่ได้ดูสวยนัก แต่นิสัยดีคนหนึ่ง เราเริ่มสนิทกันตั้งแต่วันแรกที่งาน แอมเป็นสาวร่าเริง จริงใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็กำลังแย่ แอมเป็นคนขยันเอาตัวรอดเก่งมีลูกต้องเลี้ยงดูถึง 2 คนที่ต่างจังหวัด ส่วนเพื่อนร่วมบ้านคนอื่นๆจะต่างคนต่างอยู่คุยกันบ้างเล็กน้อย พูดไม่สุภาพชอบด่าว่านิทรากันเวลาอีกคนไม่อยู่ เวลาว่างของพวกเค้าคือนิททราเด็กอีกโมหนึ่งที่ทำงานที่เดียวกัน มีเพียงแอมที่ใช้ชีวิตสันโดดกว่าใคร ใช้เวลาว่างอ่านหนังสือเงียบๆบนเตียงตัวเอง ทำให้รู้ว่าคนที่ทำงานประเภทนี้ใช่ว่าจะร้ายไปซะทุกคน
เรื่องราวทั้งหมดที่จะเล่าถึงอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับบางคนที่รู้และเคยมีประสบการณ์ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนมันไม่ใช่เรื่องธรรมาดาที่จะไปอยู่ตรงนั้นสังคมนั้นได้
วันแรกของการทำงานที่สิงคโปร์เริ่มงาน 21.00-2.00 ต้องนั่งรถแท็กซี่ไปกันเอง แล้วเฉลี่ยเงินกับเพื่อนตอนนั้นยังไม่มีเงินเลย ต้องขอยืมแอมไปก่อน เสื้อผ้าที่เราเตรียมมาแม้จะดูดี โป๊นิดๆ แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้วธรรมาดามาก ส่วนมากจะใส่ชุดไม่ต่างอะไรกับชุดว่ายน้ำทรูพลีส เห็นร่องแก้มก้น โชว์หน้าอก แต่งหน้าจัด พออยู่ในที่มืดทุกคนดูสวยโดดเด่นกับรองท้างสูงเว่อร์ ก่อนเข้างานต่างคนต่างนั่งแต่งหน้าคุยเรื่องลูกค้า ขณะที่เราเองก็ยังไม่รู้งานนั่งมองอยู่ใกล้ๆ แอมก็ชวนไปข้างในผับ ภายในผับ มีนักร้องและวงดนตรีอยู่ประมาณ 6 คน มีชายสามหญิงสาม และมีอีก 4 คนแต่งตัวอยู่หลังเวที ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกันหมด พวกนี้จะทำงานกันอย่างต่ำ่ 3 เดือนมีใบรับรองถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าตำรวจเข้าตรวจที่ร้านคนที่หนีมาทำงานอย่างพวกโคโยตี้จะโดนจับกันหมด จะถูกสอบสวนและติดคุกที่สิงคโปร์อย่างต่ำสองวันก่อนโดนจับส่งประเทศไทยจากที่ฟังแอมเล่าโดนจับส่งมากันเยอะมาก น้อยคนนักที่จะรอดได้ถ้าโดนจับ โมพี่เลี้ยงก็ไม่สามารถช่วยได้อีกทั้งยังกำชับห้ามบอกตำรวจว่าพักอยู่ที่ไหน เริ่มรู้สึกกลัวและหวาดระแวงขึ้นมาทันที ถ้าเราโดนจับส่งกลับไทยมันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วที่บ้านจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าหนีมาทำงานแบบนี้... ในผับที่นี้มีเพียงบาร์เทนเนอร์และเด็กเสริฟ์ กับคนขายพวงมาลัยที่เป็นคนสิงคโปร์นอกจากพวกเรา 8 คนแล้ว ยังมีสาวโคโยตี้ต่างโมอีกสิบกว่าคน ทุกคนกระจัดกระจายอยู่ในร้าน หน้าที่ของแต่ละคนคือต้องเดินเข้าหาลูกค้าเอง และอ้อนขอดื่มจากลูกค้า ต้องขึ้นเต้นโชว์บนเวทีเพื่อให้ลูกค้าคล้องมาลัยให้ ซึ่งจะเป็นการแข่งขันกันมากกว่า ทุกคนกระตื้อรือร้นอ้อนลูกค้าก่อนขึ้นเต้น เหมือนกับว่าใครไม่มีพวงมาลัยจะรู้สึกอายและดูไม่เด่น ถ้าเปรียบเทียบกับคนที่เป็นงานและยอมแลกตัวเพื่อมาลัยอย่างที่รู้ๆกัน จะได้สายสะพายราคาเป็นร้อยเหรียญสมใจพวกเทอ รายได้จากลูกค้าทั้งหมดจะได้ครึงๆกับโม ทุกคนจะต้องทำยอดให้ได้ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ใครทำไม่ถึงก็ต้องจ่ายค่าตั๋วค่าที่พักกันเอง ของฟรีไม่มีหลอกค่ะที่เค้าบอกว่าออกให้เราต้องจ่ายคืนให้อยู่ดี นอกจากเราจะทำรายได้ให้โมเยอะ เค้าถึงจะให้เราอ้างว่าจะเพิ่มโบนัสให้อีก แต่การทำยอดนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะลูกค้าชาวสิงคโปร์ค่อนข้างฉลาดและหวังอย่างว่ามากกว่าการมาเที่ยวจ่ายเงิน หลายคนต้องยอมให้จับให้ลวงเพราะหวังจะได้ดื่มเยอะ บางคนคบกับลูกค้าหลายๆคนเสียตัวกันเป็นว่าเล่น เพราะความสามารถเอาชนะลูกค้าที่นั่นยากมาก เพื่อแลกกันเงินที่มากกว่าจึงยอมกัน... มีแต่เสียกับเสีย...สาวๆที่นั่นโดยเฉพาะสาวต่างโม ค่อนข้างจะหวงลูกค้ามาก ถึงขั้นมีเรื่องตบตีกันหลายครั้ง กว่าจะได้ลูกค้าต้องจิกต้องแย่งกันเข้าหาลูกค้า ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าหาได้ง่ายๆเพราะลูกค้าบางคนมันมาเที่ยวอย่างเดียวมาดูนักร้องโคโยตี้แต่ไม่อยากเสียตังค์ก็ไล่กันดื้อๆโดยการทำหน้าดูถูกบ้าง ทำมือไล่บ้าง บางคนทำวางเฉยไม่สนใจ...คงจะกลัวเราไปอ้อนต้องเสียตังค์เยอะ (ออกแนวรังเกียจนิดๆ)เพื่อนร่วมงานคนอื่นคงจะชินแล้ว แต่สำหรับเราคนที่เพิ่งไปทำงานรู้สึกแย่และหดหู่มาก แม้โมจะพยายามบอกให้ไปลองเข้าโต๊ะอื่นก็เริ่มไม่กล้าแล้ว บางทีมีเพื่อนเดินมาเตือนนี่ลูกค้านักร้องบ้าง ลูกค้าเด็กอีกโมบ้าง สาวๆพวกนี้จะเตือนเราเร็วมากเวลาไปผิดโต๊ะ... แทบจะไม่มีที่ว่างให้ได้ทำงานเลย ดีที่มีแอมช่วยพาเข้าลูกค้าของแอมที่พาเพื่อนมาบ้าง บางทีก็พากันเข้าหาลูกค้าที่ว่างอยู่บ้าง เราจะต้องพูดคุยภาษาอังกฤษถ้าพูดไม่เก่งก็ไม่สามารถดูแลลูกค้าได้เต็มที่ นอกจากลูกค้าบางคนจะพูดภาษาไทยได้ กิจกรรมที่ต้องทำประจำคือชวนลูกค้าเล่นเกมส์ต่างๆ แพ้ดื่มเหล้าและลูกค้าจะสั่งดื่มให้ถ้าพอใจเรา บางครั้งถึงจะได้ดื่มไม่เยอะนักแต่ก็ยังมีที่นั่งให้ได้ทำงานบ้าง ส่วนเพื่อนคนอื่นๆแม้อยู่ในบ้านจะทำดีด้วยพูดดีด้วยบ้างครั้ง แต่พอถึงเวลางานไม่มีใครสนใจ ต่างก็เข้าหาลูกค้าของตัวเอง ทุกคนชิงดีชิงเด่น อิจฉา กลั่นแกล้งกันทุกวัน สารพัดปัญหาที่ได้เจอกับตัวเอง เริ่มท้อและหมดหวังกับงานนี้ ปัญหาหลักคือทำงานมา 1 อาทิตย์ ลูกค้าน้อยมาก เยอะเฉพาะศุกร์เสาร์ ร่างกายเริ่มเหนื่อย และเพลีย ปวดหัวทุกวันหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะต้องดื่มเหล้าดื่มเบียร์ดื่มตากีล่า ดื่มวอสก้าไฟ เจอหนักๆแบบนี้ทุกวันอ้วกบ่อย เริ่มมีอาการหัวใจเต้นเร็ว และที่หนักใจอีกอย่างคือทำดื่มบางวันไม่ได้ถึงตามที่กำหนดทั้งที่พยายามสุดๆแล้วบางครั้งต้องยอมดื่มกับลูกค้าทั้งคืนแต่ตัวเองลูกค้าให้แค่สองสามดื่มไปโต๊ะอื่นก็พอกัน ยอมดื่มฟรีเพื่อให้ได้งานลูกค้าดีๆก็มีนักร้องเป็นแฟนกันซะส่วนมาก เหนื่อยทั้งกายและจิตใจเลย อีกทั้งพี่ชาย(โมพี่เลี้ยง)ที่พยายามช่วยเราหาลูกค้่า แต่เราทำไม่ได้และตัดสินหนีจากการถูกลวนลามเพราะคนที่เค้าหามาให้หวังแต่จะเอาให้ได้อย่างเดียว เราก็ยื่นยันไม่ทำแบบนั้น เลยไม่ได้อะไรเลยดื่มก็ไม่ได้ทริปก็ไม่ได้เหมือนคนที่พี่ชายหามาให้หวังอยากจะคบเป็นแฟนจะพาไปข้างนอกซะมากกว่า ผู้ชายวันรุ่นก็เยอะแต่พวกนั้นจะมาจีบหวังสาวไทยในผับหลอกฟันกันซะส่วนมาก ดีก็มีนะค่ะแต่น้อยมาก มีน้อยคนที่จะเจอคนสิงคโปร์ใจดีช่วยจ่ายดื่มเยอะๆแต่ไม่ทำอะไรเลย..
เริ่มมีความรู้สึกสมเพศตัวเองที่ต้องมาอยู่ในสังคมแบบนี้แม้ครั้งหนึ่งเราเองก็เคยมีคนเลี้ยงแต่เมื่อมาเห็นสังคมที่นี่ เห็นสายตาดูถูกของพวกผู้ชายสิงคโปร์ในวันแรกที่ทำงาน ทำให้เปลี่ยนความคิดขึ้นมาทันที (พวกมึงมองดูถูกกูแบบนี้ อย่าคิดว่ากูจะยอมให้ดูถูก)เงินมันซื้อศักดิ์ศรีไม่ได้เสมอไป แต่ผู้หญิงที่นี่ส่วนมากต่างยอมเอาร่างกายเข้าแลก บางคนก็คิดจะหาคนเลี้ยง ตกเป็นทาสความโลภอยากได้เงินจนไม่นึกถึงศักดิ์ศรี ชีวิตที่นี่ไม่ง่ายไม่สวยหรูอย่างที่คิด บางคนอาจจะดีแต่ถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วต้องตามน้ำไปเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าที่พักค่าตั๋วเครื่องบิน .ถ้าไม่ทำแบบนั้นอยู่ไม่ได้แน่...ที่นี่ไม่มีวันหยุด ร่างกายเราก็ผอมซีดเพราะใช้เวลานอนช่วงกลางวัน เริ่มคิดถึงแม่ นึกถึงความห่วงใยของแม่ก่อนที่เราจะเดินทางมา คิดถึงบ้าน อยากกลับไปทำงานที่บ้านของเรา ร้องไห้ทุกวัน มันกลั้นไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นเพราะโดนสมเพศและเฉยชาจากเพื่อนร่วมงานทำให้เราแข็มแข็งขึ้น ทางเดียวที่จะกลับบ้านได้คือจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินค่าที่พักสองหมื่นกว่าให้โมเค้าถึงจะยอมปล่อยให้กลับ แอมเลยช่วยหาวิธีพาเราหนีกลับ แต่ปัญหาคือพาสปอร์ตโดนพี่ชาย(โมพี่เลี้ยง)ยึดไว้ ขอได้เฉพาะเวลาออกไปซื้อของ ซึ่งบางครั้งแฟนพี่ชาย(สาวนักร้องคนไทย)จะตามไปเป็นเพื่อนด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากคิดจะหนีออกมา ตอนนั้นคิดเพียงว่าถ้ายังทำงานอยู่ก็ต้องกินเหล้าหาลูกค้าแบบเดิมทุกวัน ร่างกายเราเองเริ่มจะไม่ไหวแล้ว อีกทั้งต้องทำงานกับพวกเพื่อนร่วมงานใจดำเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด แย่งชิงกันอีก เราจะทำไงดีไม่มีใครช่วยเราอยู่แล้วนอกจากแอมผู้หญิงคนเดียวที่จะหาวิธีพาเราออกไปจากตรงนี้
แอมพาไปปรึกษากับลูกค้าประจำ ถึงวิธีที่จะพาเราหนีออกไปได้ ลูกค้าแอมคนนี้เป็นคนใจดีและเอ็นดูแอมมาก แอมขอร้องให้เค้าช่วยเราหนี ชายผู้มีพระคุณคนนั้นเห็นว่าเรากำลังเดือนร้อนจึงออกค่าตั๋วให้ และแนะนำให้เราหาวิธีหนีออกมาได้สำเร็จ พร้อมขอให้เราสัญญาจะไม่กลับมาทำงานแบบนี้อีก ให้เราคิดถึงพ่อแม่และอนาคตให้มาก..ขอบคุณค่ะ... ถ้ามีโอกาสจะตอบแทนบุญคุณเค้าสักครั้ง...
ที่แอบเสียดายคือไดอารี่บันทึกประจำวัน และของใช้ทุกอย่างทิ้งไว้หมดเลย.หนีมาแต่ตัว.ลาก่อนสิงคโปร์ และงานที่แสนอโคจร...
ระยะเวลา 10 วันของการทำงานจบสิ้นลงแล้ว ขอบคุณประสบการณ์และแอมเพื่อนคนเดียวที่ช่วยเราให้หลุดพ้นออกมา การไปทำงานครั้งนี้นอกจากจะไม่ได้เงินมากมายอย่างที่หวัง ต้องเสียสุขภาพ หลอดเลือดในสมองอุดตัน ปัจจุบันนี้เลิกกินเหล้าถาวรและใช้ชีวิต ทำงานปกติ ด้วยความสามารถของตนเอง ยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ฝากถึงน้องๆคนที่คิดอยากจะทำงานด้านนี้ อย่าทำ!! มีแต่เสียมากกว่าได้ ต้องไปทำงานให้คนอื่น ค่าตอบแทนไม่สมกับการสูญเสีย
ขอย่อสรุปเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ถ้าพอมีเวลาจะมาตอบทุกคำถาม
ช่วงนี้ฝนตกบ่อยดูแลสุขภาพกันด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ