จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไล่กราดยิงชาวบ้าน จนมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยเหตุเกิดในเขต สภ.โพธิ์กลาง และยังก่อเหตุต่อเนื่องในเขตเมืองหัวทะเล ก่อนจะขับรถหนีเข้าไปในห้างเทอร์มินอล 21 ในตัวเมืองโคราช ซึ่งทางด้านคนร้ายได้ถูกเจ้าหน้าที่ทำการวิสามัญไปเป็นที่เรียบร้อย
ขอขอบคุณภาพจาก จอนนี่มือปราบ
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งเสียงชื่นชมจากประชาชนที่คอยรับฟังข่าวสารก็คือการทำงานของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่เป็นคนนำทัพลงพื้นที่และตะโกนสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาในเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง ก่อนสามารถปิดปฏิบัติการจับตายคนร้ายได้สำเร็จ
โดยล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก อ้วนรังสิต.com ได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับพระเครื่องที่ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แขวนไว้ติดตัวในทุกภารกิจ โดยมีข้อความดังนี้
“ผมเล่นพระมาตั้งแต่ยศร้อยตรีโน่น” จะคล้องพระอะไรก็ตาม 1 ในพระที่คล้องคอพวงนั้นต้องมีหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังอยู่เสมอ นี้เป็นคำบอกเล่าของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ “บิ๊กแป๊ะ” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
“บิ๊กแป๊ะ” ยอมรับว่า แรกๆ เล่นแบบสะเปะสะปะไม่มีหลักอะไร จากนั้นขึ้นเป็นนายพันก็เล่นแบบเป็นเรื่องเป็นราว มีการซื้อขายบ้างโดยเฉพาะเมื่อเห็นพระที่สวยๆ ก็จะซื้อเข้ามาและก็ขายพระองค์ที่สวยน้อยกว่าออกไป
ส่วนองค์ที่เรียกว่าสวยซึ้งนั้นไม่มี เพราะเป็นคนที่เห็นพระมามาก เมื่อขึ้นเป็นนายพลแรกๆ ก็ซื้ออยู่ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ได้ซื้อพระมานานแล้ว ส่วนใหญ่จะมีคนมาแบ่งออกไปมากกว่า
การสะสมพระเครื่องนั้น “บิ๊กแป๊ะ” บอกว่า ไว้มากมายหลายสำนัก และหลายพระเกจิอาจารย์ดัง ทั้งพระเนื้อดิน ชิน ว่าน รวมถึงพระเหรียญ
ในแวดวงสีกากี หรือข้าราชการตำรวจ เชื่อว่าเกือบทั้งร้อยจะต้องพกพาพระเครื่องติดตัว หรืออาราธนาวัตถุมงคลจากเกจิวัดดังมากมายขึ้นคล้องคอ เพราะด้วยหน้าที่การงานที่ต้องปราบปรามอาชญากร ผจญกับเหล่าร้ายในสังคม ปัจจุบันมีนายตำรวจจำนวนไม่น้อยที่สนใจและศึกษาจนได้รับการกล่าวขานและยกย่องว่าเป็นผู้ “รู้จริง” และ “รู้ลึก” หลายราย โดยหนึ่งในจำนวนนั้นคงต้องรวมถึง “พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผบ ตร หรือ “บิ๊กแป๊ะ” ที่คนในวงการพระเครื่องต่างให้การยอมรับและซูฮกว่าเป็น “คนรักพระตัวจริง”
พล.ต.อ. จักรทิพย์ บอกว่า ด้วยพื้นเพเป็นชาวชลบุรี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีพระดี พระดังมากมาย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากจะหลงใหลในเรื่องของพระเครื่องและวัตถุมงคลตั้งแต่เด็ก เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางทิศไหนก็มีแต่การพูดคุยกันถึงเรื่องของดีของขลัง ขณะเดียวกันก็มองเห็นแต่คนคล้องพระดี เด่น ดัง ทั้งนั้น
ในอดีตมีพระเครื่องมากมายให้ได้เห็นได้ศึกษา พูดง่ายๆ คือของปลอมยังไม่ระบาด ทำให้เราได้เห็นของจริง รวมทั้งได้เรียนรู้จากคนชอบพระเหมือนกัน ที่สำคัญการศึกษาด้วยตัวเองจากตำราทำให้เราดูพระเป็นตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่น่าแปลกพระเครื่องที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชื่นชอบและเก็บสะสมมากเป็นพิเศษ นั่นคือ พระเครื่องที่เลื่องชื่อเกี่ยวกับ “ความเหนียว” หรือพระเครื่องที่มีประสบการณ์ร่ำลือด้าน “มหาอุด หยุดลูกปืน” เพราะด้วยความเป็นนายตำรวจที่ต้องพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ จึงเลือกที่จะแขวนพระสายนี้โดยเฉพาะ
“ผมมีความรู้สึกถูกโฉลกกับพระเหนียวอย่างบอกไม่ถูก บอกได้คำเดียวว่าชอบเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะเราทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน ดังนั้นการอาราธนาพระสายนี้ติดตัวจึงเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจในการพร้อมปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ และทุกภารกิจได้ทันทีนั่นเอง” พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าว
สำหรับพระเครื่องของ ผบ ตร นั้น ยอมรับว่าสะสมไว้มากมายหลายสำนัก และหลายพระเกจิอาจารย์ดัง ทั้งพระเนื้อดิน ชิน ว่าน รวมถึงพระเหรียญ แต่ที่แขวนติดตัวมาโดยตลอดชนิดไม่เคยห่างกาย ตลอดเส้นทางการรับราชการตำรวจทั่วประเทศทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ออก ตก นั่นคือ “พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พิมพ์นะหัวเข่า เนื้อตะกั่ว” รวมถึง “พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า” ซึ่งทั้ง ๒ องค์นี้หามาได้ด้วยความรู้และดูด้วยตัวเอง นับเป็นพระที่รักและหวงแหนมาก เนื่องจากมีประสบการณ์ล้นเหลือ
“ผมแขวนพระ ๒ องค์นี้ไปลุยในภารกิจจับตายนักโทษแหกคุกมหาชัยมาแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นผมทำหน้าที่นำรถเข้าไปให้คนร้ายตามข้อเรียกร้องของเขาด้วยตัวเอง ซึ่งเรารู้ว่า เข้าไปในนาทีนั้นสถานการณ์ต้องเจอกับอะไร แต่เราเชื่อมั่นและศรัทธาในความดี กอปรกับการมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ติดตัว ทำให้ผ่านพ้นอันตรายมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ” ผบ ตร เล่า
ไม่เพียงเท่านั้น “พล.ต.อ. จักรทิพย์” ยังเคยลุยงานดับไฟใต้ ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มาแล้วตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยมีพระเครื่อง ๒ องค์ คู่ใจติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่สีแดงชนิดไม่หวาดหวั่นมาแล้ว
กระทั่งในช่วงกระแสจตุคามรามเทพ เฟื่องฟู “พล.ต.อ. จักรทิพย์” ก็เก็บสะสม “พระผงสุริยัน จันทรา” “เหรียญปิดตาพังพะกาน” “เหรียญจตุคาม วัดพุทไธศวรรย์” รุ่น “เหนือดวง” เอาไว้ด้วย เพราะชื่นชอบในศิลปะและการประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง
สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกประการนั่นคือ บทสวดพระคาถา “อิติปิโสเรือนเตี้ย” ทุกวันก่อนไปทำงาน
“พระหลวงปู่เอี่ยมและพระหลวงปู่ศุข คือ สิ่งที่ติดตัวแล้วเชื่อมั่นในพุทธคุณชนิดไร้ข้อกังกา และไม่เคยคิดให้ห่างกายแม้แต่ก้าวเดียว ส่วนเหรียญจตุคามรุ่นเหนือดวงตั้งแต่ได้มาเมื่อหลายปีก่อนมักปรากฏเหตุการณ์ในด้านดีเหนือความคาดหมายกับชีวิตมาโดยตลอด ดังนั้นทั้ง ๓ องค์นี้ คือสิ่งที่คู่กายผมทุกวัน” พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าว
ส่วนการสะสมพระเครื่องนั้น พล.ต.อ. จักรทิพย์ บอกว่า พระหลัก พระยอดนิยม ได้สะสมมาตลอด แต่ที่มักจะให้น้ำหนัก คือ พระสายเหนียว เช่น สายเขาอ้อ พระหลวงปู่แผ้ว วัดรางหมัน และการมาทำหน้าที่ในปักษ์ใต้คราวนี้ ตั้งใจจะศึกษา “พระหลวงพ่อทวด” ให้แตกฉาน เพราะที่นี่มีผู้รู้ตัวจริงมากมาย ทั้งนี้ทุกครั้งที่เดินทางไปปฏิบัติราชการที่ใด จะหาเวลาเข้าวัดในพื้นที่นั้นๆ เพื่อทำบุญทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในฐานะพุทธมามะกะคนหนึ่ง และมักจะบูชาพระที่วัดเป็นผู้สร้างติดตัวอยู่เสมอ เพราะถือเป็นการช่วยวัดทางหนึ่ง
ทั้งนี้ พล.ต.อ. จักรทิพย์ พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “การแขวนพระดี ย่อมเป็นสิริมงคลกับทุกคน แต่จะให้ได้ผลสัมฤทธิ์สูงสุดนั่นคือ ต้องทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยการรู้จักทำบุญ และรู้จักปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบในศีล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้บารมีพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตัวเราตลอดไป”
เมื่อถามถึงเรื่องการทำบุญ “บิ๊กแป๊ะ” บอกว่า บุญอย่างหนึ่งที่ทำมาตั้งแต่เป็นนายร้อยแล้ว คือ ทุกๆ ต้นเดือนจะปล่อยปลา ๔ ชนิด อย่างน้อย ๑๐๐ ตัว คือ
ปลาดุก ปลาหมอ ปลาช่อน และปลาไหล ทั้งนี้จะไปซื้อเองที่ตลาดสดย่านสี่เสาเทเวศร์ และทุกวันนี้แม้ว่าตำแหน่งจะใหญ่ขึ้น รวมทั้งหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้น อาจจะทำให้มีเวลาน้อยลง
แต่เมื่อถึงต้นเดือนก็ต้องหาเวลาไปปล่อยปลา โดยส่วนตัวแล้วมีความเชื่อว่า “ไม่มีบุญใดเท่ากับบุญให้ชีวิต”
ทั้งนี้ “บิ๊กแป๊ะ” พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “การแขวนพระดี ย่อมเป็นสิริมงคลกับทุกคน แต่จะให้ได้ผลสัมฤทธิ์สูงสุดนั่นคือ ต้องทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยการรู้จักทำบุญ ที่สำคัญ ตือ รู้จักปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบในศีล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้บารมีพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตัวเราตลอดไป”