คนสมัยนี้มักมีอะไรที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลาจริงๆ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก สมชาย เอี่ยมสิน ได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่สุดของความประทับใจว่า "เรื่องดีดีที่ต้องแชร์"
สำนวนที่ว่า”รู้หน้าไม่รู้ใจ”น่าจะเหมาะสมกับเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้นะครับ
ณ.ป้อมตำรวจตลาดหนามแดงริมถ.เทพารักษ์ วันที่ 29 มกราคม 2563 เวลา1ทุ่มเศษซึ่งเป็นเวลาที่ผมจะออกเวรรักษาการณ์
หลังจากที่ผมเก็บอุปกรณ์และปิดป้อมเรียบร้อยเตรียมตัวจะเดินทางกลับที่พัก ผมก็พบกับกลุ่มคนยืนอยู่ข้างป้อมตำรวจมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ ผมจึงเข้าไปสอบถามจึงได้ความว่ามีผู้เก็บกระเป๋าเงินได้และจะนำมาส่งให้ตำรวจติดตามหาเจ้าของ
จากนั้นผมก็ได้สอบถามชายหนุ่มที่เก็บกระเป๋ามาได้ว่าพบเจอที่ไหนเค้าตอบว่าเค้าเดินเก็บของเก่าตามริมถนนไปขายพอเดินมาบริเวณหน้าโชว์รูมรถแห่งหนึ่งก็เจอกระเป๋าเงินเข้าจึงเก็บขึ้นมาดูพบว่ามีเงินอยู่จำนวนนึงจึงคิดจะนำมาส่งตำรวจเพื่อติดตามหาเจ้าของ
ผมจึงถามเค้าว่าทำไมไม่เอาไว้เองล่ะเค้าส่ายหัวแล้วตอบผมว่า “ไม่ใช่ของผม ผมไม่เอา” ผมก็อึ้งไปครู่นึงแล้วจึงสอบถามที่อยู่ซึ่งเค้าบอกว่าจำเลขที่บ้านไม่ได้ไม่มีเบอร์โทรศัพท์และก็ไม่บอกชื่อ
ผมจึงเปิดกระเป๋าออกโดยมีพยานยืนดูพร้อมกับชายหนุ่มคนเก็บกระเป๋ามาด้วยตรวจสอบมีเงินในกระเป๋าประมาณ 2,500บาทพร้อมใบขับขี่บัตรประชาชนบัตรเอทีเอ็มและบัตรนักศึกษาของเจ้าของกระเป๋าจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานพร้อมกับชายหนุ่มผู้ที่ไม่ยอมให้ข้อมูลส่วนตัวอะไรเลย
เสร็จเรียบร้อยเค้าก็ยกมือไหว้แล้วเดินจากไปเฉยๆ ผมบอกขอบคุณเค้าแลัวจึงนำกระเป๋ามาดำเนินการตามหาเจ้าของจนกระทั่งวันรุ่งขึ้นก็ติดต่อเจ้าของกระเป๋ามารับคืนแล้วตรวจดูทรัพย์สินปรากฎว่าครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีสูญหายเลยสักอย่าง
สอบถามเจ้าของกระเป๋าว่าอาศัยอยู่ที่คลองสามปทุมธานีมาหาพ่อที่มาเหมางานที่โชว์รูมรถแล้วเอากระเป๋าใส่ในช่องข้างประตูคงจะหล่นตอนเปิด-ปิดประตูรถโชคดีของเค้าที่ได้เจอพลเมืองดีมีน้ำใจคนนี้แต่พวกเค้าไม่ได้มีโอกาสเจอหน้ากันนะครับ มีเพียงคำขอบคุณฝากไว้ให้
ภายหลังผมรู้มาว่าชายหนุ่มคนนั้นเค้าพักอยู่ที่หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 9 เฟส 2 เค้าคือคนดีที่ควรเชิดชูใช่มั้ยละครับ คำที่ผมประทับใจมากคือ “ไม่ใช่ของผม ผมไม่เอา” ถ้าทุกคนมีจิตสำนึกที่ดีแบบนี้คอปรัปชั่นคงจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอนนะครับ”
ขอบคุณเรื่องราวจาก สมชาย เอี่ยมสิน