จากกรณีที่ ครอบครัวของนักร้องสาว นิหน่า สุฐิตา และสามี แบงค์ พชร ปัญญายงค์ ที่ตอนนี้แบงค์กำลังป่วย เพราะตรวจพบก้อนเนื้อที่ตับ ต้องทำการรักษาให้คีโม โดยนิหน่าได้โพสต์ภาพครอบครัวพร้อมหน้า แบงค์ นิหน่า และลูกทั้งสองคนลงเฟซบุ๊กว่า แบงค์เจอก้อนเนื้อไม่ดีที่ตับ ตั้งแต่เดือน พ.ค จากการตรวจร่างกายประจำปี ไม่ได้มีอาการใดบ่งชี้ ค่าเลือดปกติ ก้อนเนื้อขนาดประมาณ 4 เซ็นติเมตร และได้เข้าทำ TACE (คีโมเฉพาะจุด) ไปแล้ว ซึ่งนิหน่าได้โพสต์ขอบคุณหมอและเพื่อน ๆ ที่ให้กำลังใจ
ด้าน แบงค์ พชร ได้โพสต์อินสตาแกรมขอบคุณ นิหน่า ภรรยา ว่า นอกจากพ่อแม่ น้องชาย น้องสะใภ้ เพื่อนรักไม่กี่คน ก็มีผู้หญิงคนนี้ละครับ @ninanaka ที่เป็นตัวตั้งตัวตี ติดต่อหมอระดับโลกสิบกว่าท่านให้ผมได้พบตลอดเกือบ 90 วันที่ผ่านมา พบมาครบครับ หลายๆท่านนี่ต้องถือเป็นเกียรติกับเราเลย ที่เจียดเวลามาให้เรา นอกนั้นยังมีพ่อหมอ แม่หมอ พระ หลวงพ่อ บาทหลวง อีกด้วยน้า เรียกได้ว่า นางเข้าหาทุกศาสตร์ ไม่พลาดแม้แต่สมุนไพร จนผมสามารถเขียนเก็บไว้กว่าร้อยหน้า ว่าอะไรดี ไม่ดี ได้ผล ไม่ได้ผล “สำหรับร่างกายผม” รอเตรียมอ่านกันได้เลยครับ ฟรี
ล่าสุด นิหน่า สุฐิตา และสามี แบงค์ พชร ปัญญายงศ์ ได้ควงคู่ออกงานอีเว้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทั้งคู่ได้อัพเดตอาการป่วยของ ซึ่งแบงค์ พชร เล่าว่า ตัวมะเร็งก้อนใหญ่หลังจากคีโมไปทำ TACE ไปรอบหนึ่ง ( TACE ย่อมาจากคำว่า Trans Arterial Chemo Embolization หมายถึง การรักษามะเร็งตับอีกวิธีหนึ่งในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยการรักษาด้วยวิธีการให้เคมีบำบัดเฉพาะทางที่ผ่านทางหลอดเลือดแดง ที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งตับโดยตรง แล้วอุดกั้นหลอดเลือดนั้นเพื่อไม่ให้เลือดไปเลี้ยงก้อนเนื้องอก)
แล้วอีกรอบหนึ่งก็ทำ aberration คือใช้จี้ร้อนด้วยคลื่นวิทยุคล้ายไมค์โคเวฟอะครับ พอ2รอบเสร็จปุ๊บ มันก็ฝ่อลงเล็กลงจาก 4 × 4 กว่า มันก็ลงมาเหลือสองกว่า ทีมแพทย์ค่อนข้างมั่นใจตัวมะเร็งก้อนใหญ่น่าจะตายแล้ว
แบบนี้ก็มีสิทธิ์หาย100%?
นิหน่า: คือมันไม่มี 100% อะไรในโลกนี้หรอกค่ะเพราะว่าจริงๆ แล้วมันก็ต้องวัดตามมอนิเตอร์ตามดูอาการไปเรื่อยๆ เราก็จะต้องดูว่ามันไม่มีอะไรใหม่ขึ้นมา ไอ้ที่กำจัดเวลาตรงขอบๆ มันหมด เพราะว่าทุกอย่างทำผ่านกล้อง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องติดตามอาการไปเรื่อยเรื่อยทุกๆสามเดือน อย่างล่าสุดก็คือเดือนธันวาก็ไปติดตามอาการดูก็ปรากฏว่ามันก็ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไอ้ที่มันเป็นก้อนที่เคยทำจี้ความร้อนไป มันก็ตัดออกไปแล้วนะ ส่วนตัวจุดอื่นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลง มันก็คือไซด์เท่าเดิม คุณหมอก็ถือว่าเป็นผลที่น่าพอใจ
เรียกว่าผ่านพ้นจุดอันตรายที่สุดของชีวิตไปได้แล้ว?
นิหน่า: จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่เทียบกับอะไรอ่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าชีวิตคนเรามันอันตรายทุกวันเลยนะ มันไม่ใช่มีแค่เรื่องของมะเร็ง เราก็ต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่มันทำให้เราแบบไม่ประมาทกับชีวิตเนอะ แล้วก็ดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่แค่กับคนที่เค้าเป็น คนใกล้ตัวก็รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วชีวิตมันไม่แน่นอนวันนี้มันโอเค วันพรุ่งนี้ก็อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้
ก็เรียกว่าสัญญาณมันดีขึ้นเรื่อยๆ
แบงค์: โชคดีนะสำหรับเคสผมมันไม่กระทบต่อความฟิต มีการทำคีโม ทำเคมีบำบัดมันก็ไม่กระทบเหมือนเคสอื่นๆ ซึ่งหลายๆท่านอาจจะประสบมากว่าเราเยอะ เคสของเราก็ง่ายอนุบาลไปเลย แต่ก็ต้องเฝ้าระวังต่อไป ตามสถิติแล้วมันกลับมาเกิดภายใน5ปี แล้วบังเอิญเคสของผมมันต้องเฝ้าระวังอีกหลายจุด คือทำให้เหล่านั้นมันไม่โตขึ้นมา
นิหน่า : จริงๆมันไม่ใช่ว่าเปลี่ยนชีวิตนะ เพราะว่าปกติเราก็กินอาหารดีอยู่แล้วออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้อาจจะปล่อยปะละเลยไปบ้าง พอมาเจออะไรอย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าใช่ว่าเราแข็งแรงจะไม่เป็นอะไร ดีๆมันก็เป็นขึ้นมาได้ แล้วที่สำคัญย้ำมาตลอดทุกครั้งที่นิหน่าให้สัมภาษณ์คืออยากให้ทุกคนตรวจสุขภาพ คำว่าตรวจสุขภาพคือมันต้องตรวจให้ละเอียดแบบอัลตร้าซาวด์ เจอเร็วก็รักษาได้เร็ว
ตอนนี้กิจวัตรประจำวันอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง?
นิหน่า: บอกสิว่าตื่นตี 3 ไปวิ่งอ่ะ(หัวเราะ)
แบงค์: โชคดีที่ว่าเราออกกำลังกายอยู่แล้ว เราทานดีทั้งคู่แล้ว เราก็เลยปรับแค่ว่าดื่มน้อยลงไปเยอะมาก
นิหน่า: เป็นพ่อบ้านสายคลีนแล้ว
แบงค์: เคสผมเป็นตัวอย่าง เราไม่ได้เกิดจากการใช้ชีวิต มันพิสูจน์แล้วผ่านแลปเมืองนอกว่ามันเป็นกรรมพันธุ์แฝง เราก็เลยมีการปรับการใช้ชีวิตให้กรรมพันธ์เหล่านี้ไม่ออกมา ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามารักษา เพราะว่าการรักษาแบบผมอาจจะไม่เวิร์คกับอีก 99 คนก็ได้ 100 คนก็รักษา 100แบบ เพราะฉะนั้นป้องกันเป็นสิ่งที่เราทำเหมือนเหมือนกันได้
งดดื่มไปเลย?
แบงค์: ใช่ว่ายังงั้นเลยก็ได้(หัวเราะ)
กลายเป็นคุณพ่อสายคลีนก็เข้าทางคุณแม่เลย?
นิหน่า : ดี แฮปปี้ เหมือนได้สามีใหม่ เราเป็นห่วงสุขภาพเค้า ด้วยความพี่แบงค์เค้าจะรู้สึกว่าพ่อไม่เป็นไรน้องแหละเข้าโรงพยาบาลทุกปี เป็นประโยคติดปากของเค้า แล้วปรากฏว่าพอเจอกับตัวเองปุ๊ป ดอกใหญ่เลย ก็จะคุยกันเล่นๆว่าก็ดีเหมือนกันมันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกว่าคือเราใช้ชีวิตประมาทไม่ได้นะ บางทีเรามั่นใจว่าเราแข็งแรงแล้ว เรากินดีแล้วออกกำลังฟิตขนาดนี้ แต่มันเกิดขึ้นกับเราได้ไง เพราะตอนนี้ก็เหมือนได้ชีวิตใหม่ดูแลสุขภาพใส่ใจเรื่องการกิน เห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่ร่วมกันในครอบครัว คือจริงๆก็เห็นความสำคัญอยู่แล้ว แต่ว่าจะทำให้เราเห็นคุณค่ามากขึ้นอะไรอย่างนี้มากกว่า
นิหน่าพูดบนเวทีว่ามายด์เซ็ทคือคนข้างกายสำคัญ สำคัญยังไง?
นิหน่า: กลับตัวนิหน่าคิดว่าถ้าเราอ่อนแอ คนที่เขาเห็นเราอ่อนแอเค้าจะรู้สึกทันทีว่าเค้าคือต้นเหตุ อันนี้เป็นความรู้สึกนิหน่า ฉะนั้นสิ่งที่เค้าไม่อยากเลย คือเค้าไม่อยากให้เราเศร้า ให้เราเครียด แล้วเรื่องพวกนี้มันแกล้งกันไม่ได้ ซึ่งยอมรับว่าอาทิตย์แรกมีเป็นเหมือนกันแบบว่า ไม่เป็นไร แต่สุดท้ายคือทำไงดี แต่พอเราได้ตั้งสติแล้วก็ก้าวข้ามผ่านจุดที่เรารู้สึกว่ามันไม่เครียด มันเป็นโรคที่รักษาได้ มันไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้โลกจะสลายหรือว่าพรุ่งนี้เราจะไม่เห็นหน้ากันแล้วมันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นสติสำคัญที่สุด
จริงๆมีคนถามเยอะว่าดูแลกันยังไง ปลอบใจอะไรกันเป็นพิเศษ ความสัตย์จริงก็คือไม่มี เราก็คุยกันเหมือนเดิมวางแผนเที่ยวเหมือนเดิม อยากจะทำอะไรก็ทำเหมือนเดิมทุกอย่างใช้ชีวิตให้เป็นปกติ การรักษาก็คือรักษาไปแล้วก็ทำตามที่คุณหมอสั่งคือจะไม่แบบสะเปะสะปะ บางทียอมรับว่ามีคนรู้เรื่องนี้เค้าก็แบบพยายามอันนั้นสิ อันนี้สิ แต่เราต้องมีแกรน เราต้องเชื่อคนๆนึงคือต้องเป็นคุณหมอ เราก็ปฏิบัติตามทำให้เราไม่วอกแวก ไม่เสียขวัญเสียกำลังใจ เลยเป็นการแบบก้าวข้ามความกลัวของตัวเองไปและทำให้เค้าเห็นว่าภรรยาเรายังโอเคเลย มันส่งเสริมความเชื่อซึ่งกันและกัน
ทั้งคู่ดูกำลังใจดี ลึกๆมีอะไรที่รู้สึกกังวลอยู่ไหม?
แบงค์: โดยส่วนตัวนะไม่มีเลย เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าเป็นห่วงเรา เราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร ให้เค้ากังวลว่าไปคนเดียว(หัวเราะ)
นิหน้า: เอาอย่างนี้พูดง่ายๆให้เห็นภาพคือถ้าเค้ากังวลแล้วเรากังวลมันจะยิ่งเพิ่มความนอยด์ในบ้าน
แบงค์: ไม่ใช่ว่าเรากังวลไม่ได้นะในคนที่โรคมะเร็ง แต่ในเมื่อคู่ของเราที่อยู่เคียงข้างๆอ่ะก็คิดแทนเราไปแล้วไปทางเดียวกันแล้วเราก็พูดคุยหาทางออกหาทางที่จะพัฒนาต่อไปสิ จะมาหยุดอยู่กังวลเพื่ออะไร
นิหน่า: ถ้าจะเอาเวลาไปกังวล มานั่งคิดดีกว่าไหมว่าสเต็ปต่อไปเราจะยังไงบ้างจะวางแผนป้องกันมันยังไงดี คิดอะไรที่สร้างประโยชน์ให้กับการรักษาน่าจะดีกว่าคุณหมอก็ใจดีมากให้คำปรึกษาเราตลอด ทำให้เรามีสติ มีกำลังใจซึ่งสำคัญที่สุดในการดูแลกับผู้ที่เจอกับโรคนี้มี
ฝากให้กำลังใจคนที่กำลังประสบกับโรคมะเร็งแล้วเครียด..
แบงค์ : พวกเราก็ยังไม่ได้ช่ำชองอะไรกับโรคมะเร็งเพิ่งจะรักษามาได้8เดือนแต่ใครก็แล้วแต่ที่เพิ่งประสบพบเจอที่ต้องเข้าการรักษาป้องกันไม่ทัน คุณอาจจะไม่มีนิหน่าของคุณแต่ผมมีนิหน่าของผม แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก คุณยังมีสมาคมคุณยังกลุ่มก้อน ยังมีสังคมเหล่านี้ศึกษาหาความรู้ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายในหลายๆ องค์กรอยากให้จำตรงนี้ไว้ อย่าท้อเพราะว่าทุกอย่างมีทางออกอยู่แล้ว มีปัญหาต้องมีทางแก้ไขเสมอ
นิหน่า: มาคุยหลังบ้านกับเราก็ได้ เพราะว่าก็มีคนส่งมาเยอะเหมือนกันเราไม่ใช่หมอนะไม่ได้ให้ถามว่ารักษายังไง แต่เรื่องของกำลังใจเชื่อว่าเราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้. ถือว่าเป็นพลังบวกที่เราสามารถให้กันได้อ่ะค่ะ