ภาวะโลกร้อนเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจ หลายคนคงจะรู้สึกแปลกใจหากมีคนมาบอกว่า โลกของเรากำลังจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งขนาดเล็ก
จากรายงานของ The Sun ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเตือนว่า โลกของเราอาจต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวจัดถึงระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็งและพายุหิมะรุนแรงนับจากนี้ไปอีก 30 ปี
โดยภาวะดังกล่าวจะส่งผลให้โลกเข้าสู่ “ยุคน้ำแข็งขนาดเล็ก” เนื่องจากดวงอาทิตย์เข้าสู่ช่วงจำศีลตามธรรมชาติ ซึ่งจากข้อมูลของนาซ่า ในปี 2020 นี้เอง ดวงอาทิตย์กำลังอยู่ในช่วงที่มีการปล่อยพลังงานต่ำที่สุดในรอบ 200 ปี
เป็นเหตุให้อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกลดลง 1 องศาเซลเซียส ในบางพื้นที่อาจจะมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -50 องศาเซลเซียส ก่อให้เกิดการขาดแคลนอาหารทั่วทั้งโลก
“จุดบอดบนดวงอาทิตย์จะก่อตัวขึ้นบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ นั่นจึงทำให้มีการแผ่พลังงานและรังสีออกไปยังดาเคราะห์และโลกได้น้อยลง” ศาสตราจารย์ วาเลนทินา ชาร์โควา (Valentina Zharkova) จากมหาวิทยาลัยนอร์ทัมเบรีย กล่าว
โดยปกติแล้ว การที่ดวงอาทิตย์อยู่ในช่วงปล่อยพลังงานต่ำถือเป็นวัฎจักรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติทุก ๆ 11 ปี แต่สำหรับปี 2020 มีการตรวจพบว่า มีการปล่อยพลังงานต่ำเป็นพิเศษ
อากาศหนาวเย็นอย่างผิดปกติในประเทศแคนาดาและไอซ์แลนด์ คือหลักฐานของการที่ดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานออกมาต่ำสุดครั้งสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เกิดฤดูหนาวยาวนานต่อเนื่องไปอีก 33 ปีข้างหน้า
นักวิทยาศาสตร์ยังกล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานต่ำที่สุดเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปีค.ศ. 1654 – 1715 ซึ่งกินเวลาไป 70 ปี ทำให้ช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แม่น้ำเทมส์และคลองในเมืองอัมสเตอร์ดัมเกิดเป็นน้ำแข็งอยู่หลายครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากในปัจจุบัน
แต่ทั้งหมดทั้งมวล วิกฤตการณ์และหายนะอาจไม่รุนแรงอย่างที่กล่าวมา เพราะก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคนได้ออกมาแย้งกับทฤษฎีดังกล่าว
โดยศาสตราจารย์ แมทธิว โอเวนส์ (Mathew Owens) จากมหาวิทยาลัยเรดดิง (Reading University) กล่าวว่า
“การที่ดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานต่ำจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุณภูมิของโลก เพราะอุณหภูมิที่ลดต่ำลงจะถูกชดเชยด้วยผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน เป็นเหตุให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นอันเป็นฝีมือของมนุษย์”
ก็ไม่รู้จะนับว่าเป็นความโชคดีหรือเปล่านะ