ดราม่าละคร ซ่อนเงารัก ที่ ม้า อรนภา เคยพูดถึงนางเอกสาว ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส ในลักษณะว่าเป็นคนเรื่องเยอะ มีปัญหาจนทีมงานของ ไก่ วรายุฑ ในละครเรื่อง ซ่อนเงารัก ต้องร้องไห้ขอลาออก แถมการแสดงแย่มากจนต้องตัดต่อแทบทุกซีน ต่อมากระแสตีกลับ นำมาซึ่งแฮชแท็ก #Saveริชชี่ ขณะที่ ไก่ วรายุฑ ในฐานะผู้จัดละครและเจ้าของค่าย ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่มีปัญหาอะไรกับริชชี่เลย ส่วนที่ ม้า อรนภา พูดนั้น ใส่ไข่เกินไป 20 ฟอง โอเว่อร์เกินไป ชื่อม้าแต่ปากหมา พร้อมฝากด่าเพื่อนผ่านสัมภาษณ์ว่า “อีม้า เบา ๆ หน่อยนะมึง”
งานนี้หลายคนอาจคิดว่าสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ม้า – ไก่ จะสั่นคลอนหรือไม่ แต่ล่าสุด ม้า อรนภา ได้โพสต์รูปคู่ ไก่ วรายุฑ ลงอินสตาแกรม นั่งชิดใกล้กัน หน้าตายิ้มแย้ม พร้อมแคปชั่นสั้น ๆ ว่า “พบเพื่อนรัก” เป็นการตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ยังเหนียวแน่น แม้จะโดนเพื่อนด่ากลางวงนักข่าวก็ตาม ทำให้มีประเด็นที่น่าติดตามมากกว่ารูปคู่ คือคอมเม้นต์แซ่บ ๆ เพราะมีบางคอมเม้นต์บอกให้ ม้า พูดความจริงไม่ใช่ใส่ความไปทั่ว ทำให้คนอื่นเสียหาย ซึ่งเจ้าตัวเข้ามาตอบว่า “บอกไปแล้ว” คล้ายยืนยันว่าที่พูดไปนั่นแหละคือความจริง
นอกจากนี้ ยังมีข้อความที่ว่า “คิดว่าพี่ม้าพูดจริงแน่นอนคะ พี่ม้าจะมาใส่ไข่เพื่ออะไร ไม่ได้เกี่ยวกับพี่เลย ก็เอาคำของพี่ไก่มาบอกเล่า แต่ก็เข้าใจพี่ไก่นะคะ ที่ออกมาพูดแบบนั้น เรื่องจะได้จบ ๆ เป็นกำลังใจให้พี่ม้าคะ” โดยพี่ม้าก็มาตอบกลับว่า “ขอบคุณค่า” หรือจะเป็นข้อความว่า “ลุงมีปากอย่าสักแต่เมาท์เอามันนึกถึงจิตใจคนที่คุณพูดถึงเขาด้วยเรื่องนิดเดียวเอามาต่อซะยาวเวอร์ ไก่ก็พูดเองคุณพูดเกินจริงไปเยอะแล้วยังจะมามึนไม่ขอโทษน้องไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร. หนุ่มกรรชัยก็สืบมาแล้วว่าเรื่องไม่มีอะไรมากเราเชื่อกรรชัย….ชื่อม้าแต่อย่าปากหมาสิคะ” ซึ่งพี่ม้าก็ได้มาทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ด้วยว่า “เรื่องเยอะกว่านี้ ที่พูดยังเบาะๆ ถ้าพูดหมด น้องต้องกลับดอยแน่”
ต่อมา ริชชี่ ก็ได้มาเปิดใจถึงดราม่าที่เกิดขึ้น ในรายการ แฉ พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังจบรายการ โดยริชชี่บอกว่า ตอนเจอข่าวว่าถูกเปลี่ยนตัวเพราะไม่มีวินัย ถึงกับตกใจร้องไห้ ซึ่งเรื่องที่คนสงสัยว่า ละครโดนเปลี่ยนบทกระทันหันหรือไม่ ริชชี่ยอมรับว่า ละครเรื่องนี้จะมีการเขียนบทขึ้นมาเรื่อยๆ จนมีตอนที่เปลี่ยนบทเข้ามา ริชชี่ก็รู้ตอนนั้น
สาเหตุเพราะริชชี่ต้องใส่วิกถ่ายละครติดกันเป็นเดือนๆ ทำให้ศรีษะเริ่มเกิดปัญหา ผู้ใหญ่เลยอยากช่วย และทางผู้จัดก็เคยบอกมาแล้วว่า บทสรุปที่เราอ่านตอนแรก มันอาจจะไม่ตรง อาจจะมีการปรับเพื่อให้ละครน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งพอผู้ใหญ่ตัดสินใจให้เปลี่ยนบทแฝดทั้ง 2 คน ริชชี่ก็ได้มีการคุยกับผู้ใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่ก็อยากให้ริชมีผมอยู่บนศรีษะต่อไป เลยให้ริชพักดีกว่า
ส่วนที่ ม้า อรนภา บอกว่า ถ้าพูดเรื่องจริง ริชชี่ต้องกลับดอยเลยทีเดียว ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการเหยียด ริชชี่ก็บอกว่า บ้านเธออยู่บนดอย ยังไงก็ต้องกลับอยู่แล้ว และริชชี่ก็ไม่โกรธพี่ม้า เพราะจริงๆบ้านริชชี่น่าอยู่มาก มีโฮมสเตย์ มีไร่ชา
เรื่องราวดังกล่าวทำให้ ริชชี่ ถึงกับเอ่ยว่าไม่เป็นไร พี่ม้า ไม่ต้องขอโทษหนู แต่บ้านบนดอยหนูสวยมากนะคะ จากประโยคคำพูดของ ริชชี่ ที่บอกว่าบ้านบนดอยสวยมาก ทำให้หลายคนถึงกับอยากจะไปเยี่ยมเยือนบ้านเกิดบนดอยปู่หมื่น จังหวัดเชียงใหม่เลยทีเดียว
เพราะก่อนหน้านี้ ริชชี่ เคยบอกไว้ว่าครอบครัวปลูกไร่ชา และทำธุรกิจโฮมสเตย์ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเร็วๆ นี้นางเอกสายแบ๊วกำลังจะเป็นเจ้าของธุรกิจชาออแกนิคเป็นแบรนด์เป็นของตัวเอง โดยเธอบอกว่าเป็นการเพิ่มตลาดให้ชาวบ้านมีความมั่นคงมากขึ้น
บอกเลยว่าบ้านบนดอยของ ริชชี่ สวยงามมากและน่าไปเที่ยวมากๆ ทั้งนี้ จากประวัติของนางเอก ริชชี่ อรเณศ เป็นนางเอกลูกครึ่งผสมหลายเชื้อชาติ และมีเชื้อสายชาวเขาเผ่าลาหู่ เกิดและเติบโตมาบนดอยปู่หมื่น จ.เชียงใหม่ ซึ่งดอยปู่หมื่น ชื่อนี้ย้อนไปกว่าร้อยปี ชนเผ่าลาหู่อพยพลงมาจากตอนใต้ของทิเบตเดินทางลงมาเรื่อยๆ จนมาปักหลักที่ขุนเขาแห่งนี้ ผู้นำชนเผ่าคือ ปู่หมื่น ทำงานเป็นรัฐกันชนปกป้องชายแดน ชาวบ้านทั้งหมดเลยเรียกพื้นที่บนดอยตามผู้นำคือ “ดอยปู่หมื่น” ซึ่งปู่หมื่นคือตาทวดของเธอนั่นเอง