จากกรณีที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ได้ใช้อาวุธปืนและอาวุธสงครามกราดยิงสนั่นที่ห้าง terminal 21 โคราช อันเป็นเหตุทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตถึงกว่า 30 รายและผู้บาดเจ็บ 58 ราย กระทั่งเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญจ่าคลั่งได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกไปด้วยชีวิตผู้กล้าหลายนาย
โดนก่อนหน้านี้ มีชาวเน็ตหลายรายได้ตำหนิการทำงานของสื่อ เนื่องจากได้รายงานการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทำให้คนร้ายไหวตัวทัน ซึ่งต่อมา นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา เหตุการณ์เกิดขึ้นเกิดอย่างฉุกละหุก สำนักงานฯ จึงได้ออกคำสั่งไปยังสถานีทุกช่องให้การงดการนำเสนอภาพข่าว การรายงานสด ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในเหตุการณ์
ล่าสุด เศรษฐา โสรินทร์ ซึ่งเป็นนักข่าวที่ทางเจ้าหน้าที่ขอยืมรถไปใช้เพื่อตามรอยหาพิกัดของจากคลังได้โพสต์ข้อความบน Facebook ส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องที่คนกำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่ขณะนี้ว่า “#กราดยิงโคราช #ด่านักข่าวไร้จรรยาบรรณ #หยุดการกระทำที่ยัดเหยียดด้วยการด่าคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองดูดีและมีค่า
ด่านักข่าวไร้จรรยาบรรณ “ยัดเยียด” คำว่า ไร้จรรยาบรรณให้นักข่าว !!! สุดท้ายเพจ “ดราม่า“ ต่างๆ ก็ยัดเยียดคำนี้ให้เรา เพื่อให้ประชาชนเข้ามาด่านักข่าว เพจดราม่า ก็ได้ยอดไลค์จากการยัดเยียด คำว่า ไร้จรรยาบรรณ ให้นักข่าวภาคสนาม รวมถึงตัวผมเองก็โดน !!!! อันนี้ไม่ว่ากันเราเป็นสื่อพร้อมให้ประชาชนวิจารณ์ได้
นักข่าวภาคสนาม ต่างจากคุณตรงไหนรู้ไหม!!! พวกเขาลงพื้นที่จริง อยู่ในสถานการณ์จริง เราทราบดีว่าอันไหนรายงานได้ อันไหนไม่ได้ แน่นอนต่างจากคุณที่นั่งอยู่บ้านเฉยๆ ดูไลฟ์เฟซบุ๊ก ดูการถ่ายทอดสดนักข่าว แล้วกระดิกนิ้ว ยัดเยียด คำว่า ไร้จรรยาบรรณ ให้นักข่าว
ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าไปข้างในกับตำรวจ เพราะตำรวจร้องขอความช่วยเหลือให้เข้าไปบินโดรนในอาคาร เพื่อหาจุดซ่อนตัวของคนร้าย ถามว่ากลัวตายไหม!!! กลัวครับ พวกผมเองก็มีคนอยู่ข้างหลังเหมือนกัน ลูก เมีย พ่อ แม่ ไม่รู้ด้วยว่าเข้าไปข้างใน
ทำไมถึงเข้าไปในนั้น !!! ซึ่งรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน ขนาดตำรวจยังโดนมันยิงเสียชีวิต แล้วนักข่าวละ มันเห็นก็คงยิงตายเหมือนกัน ก็เพราะอยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้เร็วๆ ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ โดรนของตำรวจถูกยิงพังเสียหายไปหลายลำ ตอนนั้นคิดว่าถ้าโดรนของผมโดนยิงพังก็ไม่เป็นไร ของส่วนตัวไม่เป็นไร ถ้าช่วยให้ตำรวจจับคนร้ายได้
ผมเข้าไปเห็นเหตุการณ์ข้างในทุกอย่าง ท่านผบ.ตร รอง ผย.ตร ยืนอยู่แนวหน้าของน้องลูกตลอด เป็นขวัญกำลังใจให้ลูกน้อง ท่านสูญเสียลูกน้องของท่านไปถึง 2 คน ไม่อยากให้ลูกน้องคนอื่นๆ ต้องเสียขวัญนี้แหละผู้นำ ตอนนั้นผมอยากรายงานใจแทบขาด แต่นึกถึงว่าเราเข้ามาเพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำข่าว
คนร้ายมันอยู่ในร้านฟู้ดแลนด์ ตำรวจยิงปะทะหลายครั้ง ที่พื้นมีแต่ลูกกระสุนเต็มไปหมด เหมือนกับในหนังเลย ตำรวจช่วยตัวประกันออกมาได้หลายคน สถานการณ์ข้างในมีแต่ความตึงเครียด บินโดรนจนรู้ว่าคนร้ายอยู่จุดไหน เมื่อตำรวจทราบพิกัดคนร้ายแล้ว ตำรวจจึงให้นักข่าวออกมาเพื่อความปลอดภัย ตอนนั้นผมรู้แล้วว่าคนร้ายถูกจับตายแน่นอน !!!
หลังออกมาได้แล้ว ตอนนั้นตำรวจยังไม่ได้วิสามัญคนร้าย แต่ถ้านักข่าวอย่างพวกเรา ไร้จรรยาบรรณจริง กระหายข่าว อยากขายแต่ข่าวจริง ไร้จรรยาบรรณตามคำที่คุณยัดเยียดให้ กลับออกมาคงยืนรายงานข่าวก่อนนักข่าวคนอืนๆไปแล้ว เพื่อชิงพื้นที่ข่าวให้ได้เพราะตัวเองเข้าไปเห็นมากับตา
แต่ตอนนั้นก็ได้รอจนกว่าตำรวจจะวิสามัญคนร้าย แล้วค่อยรายงานข่าว ตอนนั้นทำได้แค่รายงานข่าวในสิ่งที่พอพูดได้เท่านั้น หลังตำรวจวิสามัญคนร้ายแล้ว ผมถึงได้รายงานข่าวในสิ่งที่ตัวเองเข้าไปเห็นมากับตา ถ้าไร้จรรยาบรรณอย่างที่คุณยัดเยียดจริง คงรายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อเรียกยอดไลค์ เพื่อเรียกเรตติ้ง ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นก็เพราะให้ความร่วมมือกับตำรวจ ตำรวจจะได้ทำงานง่าย และตัวประกันทุกคนปลอดภัย
นักข่าวก็มีความรู้สึกเหมือนกัน หยุดยัดเยียด คำว่าไร้จรรยาบรรณให้คนอื่นเถอะครับ ฟังการรายงานข่าวของเขาให้จบสิ ฟังผ่านๆ…. ฟังให้จบแล้วค่อยด่า แบบนี้เค้าเรียกอะไรนะ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด หรือเปล่าละครับ นักข่าวไม่ได้อยากได้ข่าวจนเกินเห็นความสำคัญของชีวิตคนอื่นหรอกนะ หยุดเถอะเพจดาม่า เอายอดไลค์จากการสร้างให้คนอื่นตกเป็นจำเลยของสังคม ตัวคุณเองมันยิ่งกว่าอะไรอีก มาทำข่าวด้วยตัวเองบ้างไหม อย่าดีแต่กระดิกนิ้วยัดเยียดความผิดให้คนอื่นเลยครับ “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด”
ขอบคุณเฟซบุ๊ก เศรษฐา โสรินทร์