จากกรณีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ในคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ทำให้กรรมการบริหารพรรค 16 คน อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค เป็นต้น ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปีนั้น
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“สำหรับผมที่ผ่านกระบวนการยุติธรรมมาทุกรูปแบบ แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็เคยตัดสินผมมาแล้วในอดีต จึงคิดว่ามีสิทธิจะพูดเรื่องเงินกู้และหุ้นสื่อ เป็นเรื่องที่คุณธนาธรก่อขึ้นมาเอง ไม่ได้มีใครอื่นเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย หากความยุติธรรมของประเทศวัดเอาแค่ยุบพรรคอนาคตใหม่ แล้วบอกว่าไม่มีความยุติธรรม ผมว่ายังห่างไกลกับคำนี้มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ผ่านการต่อสู้ทางความคิดของคนในประเทศอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา”
“คุณธนาธรต้องยอมรับว่าผิดพลาดไปกับสองเรื่องนี้ เมื่อคิดว่าจะต่อสู้กับอำนาจรัฐ ควรเรียนรู้ที่จะป้องกันไม่ให้มีช่องโหว่ แต่กลับเป็นว่า “ตกม้าตาย เอาง่ายๆ” เสียเช่นนี้
เรื่องเงินกู้ผมเคยบอกไว้ให้ชาวบ้านฟังสั้นๆง่ายๆว่า เจ้าหนี้ที่ไหนก็ล้วนมีอิทธิพลทั้งสิ้น
ในทางธุรกิจ หากไปกู้เงินธนาคาร ก็ต้องทำตามระเบียบเงินกู้ของธนาคาร การครอบงำจึงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ หากไม่ทำตามเงื่อนไขเงินกู้
ในทางการเมือง เป็นไปไม่ได้ที่จะกู้เงินจากหัวหน้าพรรค แล้วบอกว่าพรรคดำเนินการได้โดยอิสระ ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของหัวหน้าพรรค ซึ่งคือผู้ให้เงินกู้พรรคตัวเอง
แรงปรารถนาทางการเมืองของคุณธนาธร ตอนนี้คงเข้าทำนอง “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกไปแขวนคอ” คดีคงตามแขวนคอมาอีกเป็นพรวนกระดิ่ง
การไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทย หากอยู่ไม่เป็น เย็นไม่พอ รอไม่ได้ มันพังมาแล้วทุกราย ผมเคยว่าไว้แล้ว เสียดายที่เอาไปใช้ผิดทาง
ผมยังเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ศาลยังคงเป็นสิ่งที่ประชาชนยึดมั่น มีพลังที่เข็มแข็ง ไม่อ่อนไหวไปกับพรรคการเมือง ที่มีหัวหน้าพรรคทำผิดพลาดด้วยความอ่อนประสบการณ์
ส่วนสถานการณ์ของพรรคที่ถูกยุบก็คงเป็นไปตามวิถีทางการเมือง ที่เหมือน “ผึ้งแตกรัง”