24 ก.พ. 63 เวลาประมาณ 19.47 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในประเด็นเศรษฐกิจ โดยระบุว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลงมีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมีมาก่อนรัฐบาลของตนจะเข้ารับตำแหน่ง ที่ฝ่ายค้านพูดเป็นภาพรวมทั้งหมด
แต่ยอมรับว่า จีดีพีด้านการผลิตเราบังคับไม่ได้ ทั้งนี้รัฐบาลก่อนของตนทำงานอย่างหนักในการเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ขณะที่ไอเอ็มเอฟเคยปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจโลกลงถึง 6 ครั้ง มีการประเมินถึงการค้าโลกขยายตัวเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ในปี 62 รวมถึงสินค้าเกษตรราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และยังโดนผลกระทบจากภัยแล้ง รวมถึงไวรัสโคโรนาหรือไวรัสโควิด-19 งบประมาณปี 63 ที่ล่าช้า แต่รัฐบาลแก้ปัญหาจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก จากไตรมาสแรกในปี 57 ที่จีดีพีขยายตัวเพียง 0.7 แต่ในไตรมาสแรกของปี 61 รัฐบาลสามารถทำจีดีพีขยายตัวได้ถึง 5.0 โดยรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายสำคัญคือการลงทุนในเศรษฐกิจมหภาค
ส่วนที่ฝ่ายค้านว่ารัฐบาลเอื้อเจ้าสัวนั้น เจ้าสัวที่ว่าก็อยู่มาทุกรัฐบาล อย่างไรก็ตาม 7 เดือนของรัฐบาลนี้สามารถประคับประคองเศรษฐกิจได้ดีพอสมควร ถ้าไม่ติดเรื่องงบประมาณปี 63 ล่าช้าก็น่าจะไปได้ดีพอสมควร
"ยืนยันเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าว ดูได้จากการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 ปี 62 ของไทยอยู่ที่ 2.4 ญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.3 ส่วนสิงคโปร์ 0.5 ทั้งที่สองประเทศนี้มีอัตราการเจริญเติบโตมาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกันจีดีพีของจีนก็ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงต่ำสุดในรอบ 111 ไตรมาส ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ชะลงตัวต่ำสุดในรอบ 12 ไตรมาส ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน เรามุ่งเน้นเรื่องการดูแลฐานรากที่เรียกว่าอนาคต มีการประกันรายได้สินค้าเกษตรทุกประเภท มีความพยายามกระตุ้นการส่งออก หรือแม้แต่โครงการชิม ช้อป ใช้ ประชาชนก็ให้การตอบรับดี ดังนั้นฝ่ายค้านอย่ายกส่วนที่ไม่ดีมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ฟังข้อเท็จจริงที่ผมพูดบ้าง"
ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ว่า ยอมรับว่ามีผลกระทบมากพอสมควร แต่รัฐบาลเตรียมการรับมือหากเกิดการแพร่ระบาดในระยะที่ 3 ไม่ต้องการให้ตื่นตระหนก แต่ต้องไม่ประมาท ส่วนที่บางคนบอกให้รัฐบาลใช้มาตรการแรงขึ้นนั้น ถามว่าถึงเวลาหรือยัง แล้วคนที่พูดบอกให้ดูประเทศจีน ตนก็ชอบนะ แต่ปัญหามีอยู่ว่าเราสามารถทำตามกฎหมายอย่างจีนได้หรือไม่ โดยเฉพาะคนที่พูด ตนไม่ได้ว่าจีนไม่ดี แต่รูปแบบการปกครองสองระบบเขาเข้มงวด แต่ของเราไม่เอากฎหมายสักตัวทั้งในและนอกสภาฯ
"ต่างคนต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน ผมฟังท่าน ท่านก็ต้องฟังผมบ้าง หลายอย่างถ้าเราใจร้อน มันไปไม่ได้ เราต้องใจเย็นนิดนึง ผมใจร้อนยิ่งกว่าท่านอีก ในส่วนที่ท่านบอกว่า ผมทำความเสียหายนั้น ผมยังไม่รู้ว่าทำความเสียหายตรงไหน เพราะยังไม่เห็นที่เป็นเรื่องเป็นราวเป็นทางการ ท่านกล่าวหาผมเยอะแยะ ว่าผมไปเอื้อประโยชน์ต่างๆ ผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงใคร ในช่วงก่อนหน้านี้ มีความเสียหาย 124,646 ล้านบาท ใกล้มาอีกนิดนึงก็เสียหาย 489,761 ล้านบาท เรื่องอะไรท่านทราบดี ทุจริตต่างๆเยอะไปหมด ตัวเลขมีเยอะอยู่ในศาล แต่ผมยังไม่มีเรื่องราวอะไรของผม ฉะนั้น ผมจะฟังคำตัดสินของศาล ผมเชื่อมั่นศาลไทย กระบวนการยุติธรรมของศาลไทย เพราะคนอื่นก็ได้รับการตัดสินจากศาลเหล่านี้เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง นายกฯเพราะเป็นศาลของประชาชนโดยรวม ผมต้องเคารพ และผมไม่เคยไปก้าวล่วงใคร ผมไม่เห็นที่ท่านกล่าวอ้างมาซักเรื่อง แต่ก็แล้วแต่ท่าน ผมคิดว่าประชาชนที่อยู่ทางบ้านเข้าใจพอสมควร เอกสารผมมีตั้งๆ ถ้าส.ส.คนไหนอยากดูมาขอผมได้" นายกฯ กล่าว