เรียกว่ายังต้องคอยเฝ้าระวังกันอย่างเต็มที่สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ไวรัสโควิค-19 ในตอนนี้ที่ถึงแม้ประเทศจีนจะสามารถคุมผู้ป่วยติดโรคได้ แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะเกาหลีใต้นั้นกับมีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยทางแพทย์ไทยได้ประกาศให้ผู้ที่ไปเที่ยวยังต่างประเทศให้ระมัดระวังตัวเองหากมีไข้หรืออาการที่เข้าข่ายให้ไปพบแพทย์ด่วน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 63 ที่ผ่านมาผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้ออกมาเผยประสบการณ์กักตัวหลังพบว่าตัวเองมีไข้ขึ้นสูงและเมื่อไม่นานมานี้เธอยังได้เดินทางไปต่างประเทศด้วย โดยเธอเล่าว่า… #ตรวจไวรัสโคโรน่าสิทธิประกันสังคม25 ชั่วโมงกับห้องแยกปลอดเชื้อ ฉันรอดแล้วแม่จ๋า
เนื่องจากเราไปเที่ยวญี่ปุ่นมาตอนวันที่ 14-19 ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวที่สาธารณสุขประกาศ ว่าญี่ปุ่นอยู่ระดับ 3 ถ้าไม่จำเป็นไม่ให้เดินทางไปเที่ยว แต่ตอนนั้นเราอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว ทำไรไม่ได้ แต่ระหว่างที่อยู่ที่นั่น เราก็ล้างมือแล้วปิดแมส ระวังการหยิบจับ พกแอลกอฮอล์ หลังจบทริป ตอนที่ลงจากเครื่องมา ไม่ได้มีไข้อะไร ก็เลยผ่านมาได้ปกติ เราทำใจไว้แล้วว่ากลับมาแล้วต้องรับผิดชอบต่อสังคม เราทำใจถึงกระทั่งว่า กลับมาที่ไทยต้องมีคนรังเกียจ และพูดจาไม่ดีใส่ ซึ่งเราโอเค ใจเขาใจเรา เราก็เข้าใจคนอื่นว่าเค้ารู้สึกไง
วันที่ 23 ก.พ เริ่มมีอาการเป็นไข้ (ไข้ 37.5 ก็นิ่งนอนใจไม่ได้) ปวดเมื่อยตามร่างกายนิดหน่อย แต่ไม่มีอาการจาม ไม่มีน้ำมูก ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ ไม่ได้เจ็บคอรุนแรง ไม่นิ่งนอนใจรีบมาพบแพทย์ ตามที่สาธารณสุขที่แจ้ง เพื่อSave ตัวเองและคนรอบข้าง สิทธิ์ประกันสังคมอยู่ที่ #โรงพยาบาลแพทย์รังสิต พอมาถึงพยาบาลพาไปที่ห้องแยก เป็นห้องคัดกรองเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังโคโรน่า ปิดโซนเพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยประเภทอื่นเข้ามา ให้เครดิตคุณหมอและพยาบาล ที่ปฏิบัติตัวกับเราอย่างไม่รังเกียจและเต็มที่มาก
STEP 1 : 8.30 – 10.00 น. ตรวจเบื้องต้น ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด ตรวจจมูกแบบไข้หวัดใหญ่ (ไม้ยาวแหย่ลงจมูก) เนื่องจากเรามี ประวัติการเดินทางไปที่ประเทศที่มีภาวะเสี่ยง
STEP 2 : 11.00 น. เข้าพบคุณหมอ คุณหมอ และพยาบาล มาในชุดป้องกัน ร่างกาย ตา จมูก เพราะเราถือว่าเป็นผู้เข้าข่ายต้องเฝ้าระวัง แล้วก็มีการซักประวัติ ว่าเรามีพฤติกรรมตอนไปเที่ยวต่างประเทศอย่างไร แล้วก็มีการเก็บตัวอย่าง การตรวจจมูกแบบไข้หวัดใหญ่ (ไม้ยาวแหย่จมูก) + ตรวจคอ ( ไม้ยาวแหย่ลงคอ ) ค่อนข้างอึดอัดทรมานอยู่แป๊บนึงSTEP 3 : 12.00 น. พยาบาลมาแจ้งว่า เราได้ขึ้นทะเบียนกับสาธารณสุขว่าเป็นผู้ป่วยต้องเฝ้าระวัง ต้องทำการกักตัวและดูอาการ ที่ห้องปลอดเชื้อ ICU ณ ตอนนั้นตกใจมาก เราเป็นหนักหรอ? ทำไมต้องให้เข้าไปอยู่ห้อง ICU ด้วย มีคำถามวนอยู่ในใจมากมาย พอเซ็นเอกสารยืนยันเข้ารับการรักษา ก็รอเข้าไปที่ห้อง ICU … (เพิ่ม)คำถามที่ว่า แบบไหนถึงใช้สิทธิประกันสังคมครอบคลุม มีอาการไอ จาม มีน้ำมูก เป็นไข้ เหนื่อยหอบ + ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ในประเทศที่เสี่ยงติดเชื้อจริง อันนี้ประกันสังคมครอบคลุม ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีอาการที่สุ่มเสี่ยงว่าจะเป็น แม้ว่าจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศจริง หรืออยากตรวจเองเพื่อความสบายใจ อันนี้ประกันสังคมไม่ครอบคลุมนะคะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ค่าตรวจโคโรน่า 7000-8000 บาท ยังไม่รวมค่าห้องที่ต้องนอนรอผล (ราคาขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลด้วย)STEP4 : 13.00 น. เข้ามาที่ห้อง ICU ห้องปลอดเชื้อ เป็นห้องเดี่ยวๆ ที่ไม่มีอากาศภายนอกเข้ามาได้ ไม่มีทีวี มีแต่เครื่องตรวจวัด ตามร่างกาย 5 จุด เครื่องให้ออกซิเจน และเครื่องวัดความดัน ที่จะวัดทุกๆ 1 ชั่วโมง รายงานผลจอมอนิเตอร์ แล้วจะมีการวัดไข้ทุก 4 ชั่วโมง แล้วต้องใส่ออกซิเจนเพิ่มเติม เพราะว่าร่างกายมีออกซิเจนต่ำ บรรยากาศคลองค่อนข้างเงียบและอึมครึม ไม่ได้มีคนเดินผ่านให้เห็นบ่อยๆ ไม่ได้มีอะไรให้มองนอกจากนาฬิกา เวลาผ่านไปช้ามาก มันตึงเครียด กลัว เปล่าเปี่ยวไปหมด แล้วคือห้ามลงจากเตียง เจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาในห้องทุกครั้ง ไม่ว่าเราจะปวดฉี่ หรือต้องการอะไร จะต้องสวมชุดป้องกัน ใส่หมวก ใส่แมส ใส่แว่นตา กว่าจะได้เข้ามา ค่อนข้างลำบาก แล้วเราก็เกรงใจ ในใจตอนนั้น คือ ตกใจ งง แบบดูจริงจังไปหมด ดูอะไรก็ลำบากไปหมด แต่ก็เข้าใจนะ แล้วก็รู้สึกดีที่มีการป้องกัน และเซฟเจ้าหน้าที่และเรามากขณะนี้
STEP5 : 17.00 น. คุณหมอเข้ามาตรวจ ขออนุญาตเอ่ยชื่อ (นพ. ณวร) เพราะคุณหมอน่ารักมากๆ คุณหมอได้เข้ามาตรวจปอด ตรวจคอ ตรวจออกซิเจนในร่างกาย แล้วพูดคุยกับเรา รวมถึงอธิบายให้ฟัง ว่าผลตรวจที่กำลังจะออก เป็นผลที่แน่ชัด มีการตรวจลึกถึงรหัสพันธุกรรม ถ้าเกิดไม่มีเชื้อก็สามารถกลับบ้านได้ แต่ถ้ามีเชื้อก็ต้องทำการรักษาอย่างเร่งด่วนเลย โชคดีที่คุณได้มาอยู่ในห้องนี้ หมอไม่รู้ว่าในจังหวัดเรามีห้องแบบนี้กี่ที่ แต่คงมีไม่มาก อยากให้คุณมั่นใจว่าห้องที่คุณอยู่เป็นห้องที่ดีและปลอดเชื้อ หมอเข้าใจว่าห้องนี้มันเป็นห้องที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน หมอจะพยายามให้คุณรีบออกไปให้ได้มากที่สุดนะ เพราะหมอต้องสำรองห้องเอาไว้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเคสหนักด้วย …. พอคุณหมอเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนชุด
เราก็ได้มองเห็นว่าคุณหมอเขาทำการเทรนพยาบาลอีกครั้ง เพื่อให้รัดกุม ว่าต้องปฏิบัติตัวกับเราแบบไหน ใส่ชุดยังไง ป้องกันกี่ชั้น รักคุณหมอตรงนี้ ที่ใส่ใจ ความรู้สึกหลังจากที่คุณหมอเข้ามา เราก็เผื่อใจไว้แล้ว 50/50 ภาพในหัวทุกอย่างลอย มาหมดเลย ภาพหน้าคนที่เรารัก และหลายๆอย่าง แต่เราเชื่อมั่นในกระบวนการสาธารณสุขของประเทศไทย เพราะว่าเราได้มาสัมผัสจริงๆ มาทั้งหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ แล้วก็ระบบการตรวจที่รัดกุม ดีมาก ต่อให้เราเป็น เราก็มั่นใจว่าเราจะหาย เพราะว่ามีคนที่รักษาหาย
STEP6 : 01.00 น. ผลตรวจเลือดออกมาแล้ว แต่ตอนนั้นเราหลับอยู่ พยาบาลไม่ได้ปลุก แต่ก้ไม่ได้หลับสนิท ( ไม่เคยหลับสนิทเลย ไม่ใช่เพราะเครียดนะ 555 แต่เป็นเพราะว่า ความดันมันวัดทุกๆชั่วโมง มันจะบีบแขนเราทุกชั่วโมง )
STEP7 : 05.30 น. พยาบาลมาแจ้งผลตอนเช้า ผลตรวจออกมาว่า ไม่มีเชื้อโคโรน่า เป็นแค่ไข้ธรรมดา คุณพระ!!! เหมือนถูกหวยยังไงยังงั้น ยกภูเขาเอเวเรสออกจากอก แถมพยาบาลเล่าว่า คุณหมอโทรเข้ามาที่โรงพยาบาล ตอนกลับบ้านไปแล้ว เพื่อติดตามฟังผลเราอยู่ตลอด พยาบาลเอาใบผลมาให้เราดูเพื่อความสบายใจ และพยาบาลก็มาแจ้งให้เราย้ายไปห้องปกติ เพื่อรอพบคุณหมอช่วงเช้า ที่สำคัญคือ พยาบาลเข้ามาอาบน้ำเช็ดตัวให้บนเตียง เราก็บอกว่าเรา อาบเองได้นะ เราเกรงใจแล้วเราก็เขินด้วย พยาบาลขำ แล้วบอกไม่เป็นไรค่ะยังลงจากเตียงไม่ได้นะ เดี๋ยวทำให้หมดเลยค่ะ ไม่เป็นไรเลย ให้หัวใจพยาบาลอีกดวง
STEP 8 : 07.00 น. พยาบาลมาตรวจคลื่นหัวใจ แล้วแสกนปอดอีกครั้ง ( แม้ผลจะออกมาแล้ว ก็ยังตรวจนุ้นนี่นั่นให้ต่อ )
STEP 8 : 14.00 น. หมอให้กลับบ้านได้ แจ้งว่าร่างกายปลอดภัยจากไวรัส 100% แต่ถ้าหากมีไข้ในระยะนี้ให้กลับมาโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเช็คเชื้อไวรัสอีกรอบ เพราะอาจจะมีเปอร์เซ็นต์ที่อาจจะติดก็ได้แม้ว่าจะน้อยมากฉะนั้นให้กักตัวเองต่ออีกจนครบ 14 วันิแล้วกลับมาพบแพทย์ตามนัดอีกครั้ง
ประกันสังคม ขอบคุณที่ดูแลทุกค่าใช้จ่าย ครอบคลุมทุกการรักษาโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ขอบคุณคุณหมอ ขอบคุณพยาบาล และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ไม่มีท่าทีรังเกียจ จะพยายามดูแลเป็นอย่างดีสาธารณสุข ที่ช่วยประสาน และให้สิทธิ์การรักษาการตรวจแบบละเอียดของไวรัสโคโรน่าขอบคุณหัวหน้า พอรู้ข่าวก็อนุมัติให้ทำงานที่บ้านได้เลย Work@Home
ฝากไว้ให้คริส : สำหรับคนที่ไป ตปท. ในประเทศเสี่ยง ช่วงก่อนสาธารณสุขประกาศแบบเรา มีอาการรีบพบแพทย์ ถ้าอยากชัวร์มาตรวจเองเลยค่ะที่ รพ. ยอมเสียค่าตรวจหน่อย ถ้าอยากสบายใจ สำหรับคนที่คิดจะลังเล ไป/ไม่ไปตอนนี้ สาธารณสุขประกาศแล้ว ถ้าเป็นไปได้ แนะนำปรึกษากับสายการบินและกรุ๊ปทัวร์นะคะ ถ้าเลื่อนได้ยกเลิกได้ แนะนำให้ทำค่ะ
ถ้ากลับมาแล้วเป็นอะไรไปมันไม่คุ้มเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่อคนที่เรารัก และคนรอบข้างทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเขาจะรังเกียจเราหรือเปล่า สุขภาพตัวเองที่เราไม่รู้ว่าเราเซฟตัวเองดีแล้ว แต่มันเซฟได้ 100% หรือเปล่า รวมถึงถ้าเป็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ ก็ต้องมานอนที่โรงพยาบาลหลายชั่วโมงแบบเราเพื่อตรวจ จิตตกและเสียเวลา ด้วย เข้าใจดีว่าเสียดายเงิน ที่ได้จองไป แต่เงิน..หาเมื่อไหร่ก็หาได้ ตราบใดที่เรายังไม่ตาย แต่ถ้าเราตายเราจะไม่มีโอกาส ได้หาเงินไปเที่ยวที่อื่นๆต่อนะ ด้วยรักและหวังดี