‘อี มัน ฮี’ ผู้ก่อตั้งโบสถ์ชินชอนจี คุกเข่าขอโทษเกาหลีใต้ติดโควิด พุ่งเกิน 4.3 พันคน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายอี มัน ฮี ผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งเยซูชินชอนจี ในประเทศเกาหลีใต้ ออกมาคุกเข่าขอโทษต่อชาวเกาหลีใต้เพื่อนร่วมชาติ ที่โบสถ์สาขาของโบสถ์แห่งเยซู ชินชอนจี ในเมืองแทกู ได้กลายเป็นศูนย์กลาง การระบาดของไวรัสโควิด-19

หลังจากพบว่ าสมาชิกคนหนึ่งได้ล้มป่วยจากการติดเชื้อไวรัส จนเชื้อได้แพร่ระบาดไปสู่คนอื่นที่มาโบสถ์ เป็นเหตุให้ขณะนี้ มีชาวเกาหลีใต้ติดเชื้อแล้วกว่า 4,000 คน นายอี มัน ฮี ยังเรียกการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าเป็น “มหาภัยพิบัติ” ระหว่างแถลงข่าวบริเวณด้านนอกโบสถ์ ชินชอนจี สาขาอำเภอคาพย็อง จังหวัดคย็องกี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโซล พร้อมทั้งกล่าวว่า “ทางโบสถ์แห่งเยซู ชินชอนจี ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้”

อย่างไรก็ตาม การออกมาขอโทษของนายอี มัน ฮี วัย 88 ปี มีขึ้นหลังจากชาวเกาหลีใต้จำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจที่โบสถ์ชินชอนจี กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด อีกทั้งทางการกรุงโซลได้ขอให้อัยการเริ่มดำเนินการสืบสวน เพราะอาจตั้งข้อหาผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งนี้ อันเกี่ยวข้องกับการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

จนทำให้มีผู้คนติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากและก่อนหน้านี้ ทางจนท.เกาหลีใต้ ระบุว่า โบสถ์ชินชอนจีต้องรับผิดชอบ ที่ปฏิเสธให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทางการในความพยายามหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะเดียวกัน รอยเตอร์ รายงานสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีใต้ว่า ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 599 คน ในวันที่ 2 มีนาคม 63 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 4,335 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ราย ขณะที่กระทรวงศึกษาประกาศจะเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไปอีก 2 เดือน จนถึง 23 มีนาคม