ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2562 ฝ่ายการตลาดนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ประกาศรายการส่งเสริมการขายสำหรับรถยนต์รุ่นดังกล่าวลดราคาทันที 500,000 บาท จากราคาปกติ 1.99 ล้านบาท ลดลงเหลือ 1.49 ล้านบาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 NPP นาน 1 ปี ดอกเบี้ยต่ำที่ 1.79%
โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 ถึง 5 เมษายน 2563 ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายนิสสันทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม การลดราคาดังกล่าว ถือเป็นสงครามการแข่งขันดานราคาในฐานะผู้เล่นรายใหญ่อย่างนิสสัน ลีฟ ที่ครองแชมป์รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกด้วยยอดขายมากกว่า 280,000 คันทั่วโลก
ซึ่งหากเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยในขณะนี้อย่าง MG ZS ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.19 ล้านบาทและMINI Electric (MINI Cooper SE) ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2.19 ล้านบาท และ Audi E-Tron ที่มีราคาอยู่ที่ 5.09 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับการวางตำแหน่งราคาขายของแต่ละแบรนด์แล้วนั้น มีความชัดเจนในการจับกลุ่มลูกค้าพอสมควร โดยการปรับราคาในครั้งนี้ หากมองในด้านการแข่งขันทางการตลาด นับเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดหนึ่งที่นิสสันหวังจะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างมากขึ้น เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยราคาแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ตาม
หลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดรายใหม่สำหรับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้างานนี้น่าจะไม่หมูเท่าไรแล้ว เพราะถึงขั้นเปิดสงครามราคามาได้ดุเดือดเร้าใจขนาดนี้ ยิ่งถ้านโยบายการสนับสนุนทางด้านภาษีจากทางภาครัฐมีความชัดเจนแล้วก็น่าจะทำให้การเข้าถึงของราคารถยนต์ไฟฟ้าสู่ผู้บริโภคได้ง่ายดาย