หากจะพูดถึงคนหนุ่มไฟแรง “ดร.ดร๊าฟ-ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” นับว่าเป็นผู้ที่ไม่เคยทอดทิ้งเวลาและโอกาสไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว จากอดีตผู้บริหาร “กรุงเทพธนบุรี” มหาวิทยาลัยเอกชนที่ วันนี้ ดร.ดร๊าฟ สามารถพิสูจน์ศักยภาพของตนเองก้าวสู่หมวกใบใหม่กับตำแหน่งทางการเมืองในฐานะ “ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน” ที่หน้าใหม่แต่ไม่ใช่มือใหม่ เพราะมีผลงานทางการเมืองแบบเกรดเอมาแล้วมากมาย อาทิ เข้าร่วมคณะทำงานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ล่าสุด ผช.ดร๊าฟและครอบครัว พร้อมทั้งคณะผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันจัดพิธีทำบุญในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดของ ผช.ดร๊าฟ ในวันที่ 2 มีนาคม 2563 โดยมีคุณแม่ “รศ.ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล” อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นแม่งานใหญ่นำเดินสายทำบุญ
รศ.ดร.บังอร กล่าวอย่างอารมณ์ดีไว้ในเฟสบุ๊กอย่างสั้น ๆ ว่า “มีความรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถส่งลูกไปเรียนอนุบาล ฯ เผลอแป๊บเดียวโตเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ลูกได้ทำงานที่มีความถนัดและใจรัก เราเป็นแม่ก็ชื่นใจแล้วค่ะ”
พร้อมกับกล่าวด้วยว่า วันคล้ายวันเกิดลูกชาย 2 มีนาคม พาลูกชายพร้อมลูกสะใภ้ (คุณเอิร์น จิรวรรณ) และหลานทั้งสอง(คุณย่าบังอรตั้งชื่อให้เองว่า น้องดี ดวงดิช กับ น้องดวิณ ดวงเดช) ทำบุญวัดสระเกศฯ ศาลหลักเมือง วัดชนะสงครามฯ และบริจาคโลงศพมูลนิธิร่วมกตัญญู
รศ.ดร.บังอร นับเป็นแบบอย่างของทรัพยากรบุคคลด้านการบริหารการศึกษา เป็นอธิการบดีหญิงที่ทั้งเก่งและแกร่ง สามารถนำสถาบันการศึกษาฝ่าฟันปัญหาและวิกฤตต่าง ๆไปได้ด้วยดีเสมอมา ภายใต้หลักปรัชญาที่ว่า “สร้างปัญญา พัฒนาคน ฝึกฝนคุณธรรม” และที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์คือ อธิการบดีหญิงท่านนี้สามารถขับเคลื่อนให้ “มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี” ทะยานสู่มหาอำนาจด้านกีฬาอุดมศึกษาที่การันตีแชมป์เหรียญทอง 3 สมัยติดต่อกันได้อย่างสง่างาม
ดร.ดร๊าฟ บุตรชายเคยกล่าวถึงคุณแม่ซึ่งเป็นผู้หญิงเก่งที่ยืนเคียงข้างมาอย่างตลอดเวลาว่า ท่านเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม นอกจากทำหน้าที่เป็นคุณแม่แล้วยังทำอะไรที่ดีและสร้างสรรค์อีกมากมาย ซึ่งไม่สามารถสาธยายได้หมด ท่านเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและเกินเกม ท่านจะเน้นเรื่องการเป็นนักปฏิบัติที่มีศักยภาพ พร้อมพัฒนาไปสู่มืออาชีพ โดยมีความรู้ประสบการณ์ความสามารถควบคู่คุณธรรมและจิตสำนึกที่ดีงาม การปลูกฝังเรื่องการวิจัยและงานสร้างสรรค์ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมในระดับประเทศและนานาชาติ
“อย่างวิสัยทัศน์เพื่อส่วนรวมของท่าน ที่มอบให้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยนั้น ผมสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่กระทรวงแรงงานได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เช่นการให้บริการวิชาการแก่สังคม และชุมชนอย่างทั่วถึงในด้านที่มีความพร้อมและเชี่ยวชาญ เพื่อให้สังคมและชุมชนพึ่งตนเองบนพื้นฐานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาระบบการบริหารและการจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ที่สอดคล้องกับบริบทโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับการบริหารวิชาการ บริหารบุคลากร บริหารทรัพยากร งบประมาณ บริหารโลจิสติกส์ บริหารวิสาหกิจ และการบริหารทั่วไป”
นอกจากนี้ ดร.ดร๊าฟ-ดวงฤทธิ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการทำงานในหน้าที่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงานว่า ผมยึดหลักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และมุ่งมั่นที่จะทำงานที่เราเชี่ยวชาญให้ดีที่สุด ที่กระทรวงแรงงาน เราทำงานแบบเป็น “ทีมเวิร์ก” ทุกคนทำงานสอดคล้องร่วมกัน โดยมีเป้าหมายหลักคือ การเพิ่มศักยภาพและดูแลความเป็นอยู่ รวมถึงสวัสดิการของพี่น้องแรงงานไทยให้มีคุณภาพสูง
ต้องจับตามองอนาคตที่สดใสของนักการเมืองน้ำดีอย่าง "ดร.ดร๊าฟ" จากวันแรกที่เข้าทำงานในกระทรวงแรงงานจนถึงวันนี้ ผลงานเกรดเอของเขาเริ่มทะยอยให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว...ขอเป็นกำลังใจให้ก้าวสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ต่อไป