รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำโรงงานอุตสาหกรรมเร่งผลิตหน้ากากอนามัยให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง พร้อมเอาจริงกับผู้ค้าที่ขายแพงเกินราคาควบคุม
นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ดำเนินการเรื่องหน้ากากอนามัย ใน 2 ส่วน โดยส่วนแรก คือหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมมีอยู่ 11 แห่ง จากการตรวจสอบพบว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดสามารถผลิตได้ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน // ประมาณ 1 ล้านชิ้นต่อวัน แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาด ได้เร่งรัดกำลังการผลิตให้ได้วันละ 1 ล้าน 2 แสนชิ้นต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยให้โรงงานผลิต เพิ่มกำลังการผลิตไม่ต้องหยุดงานวันอาทิตย์ รวมถึงให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก หาแหล่งวัตถุดิบที่จะนำมาผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศให้ได้ ขณะที่ส่วนที่ 2 หน้ากากอนามัยทางเลือก มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำเนินการนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ จำนวน 50 ล้านชิ้นทโดยใช้งบประมาณ 225 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข รับรองว่าใช้ป้องกันไวรัสโควิด 19 ได้
ยอมรับว่า ขณะนี้หน้ากากอนามัยมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของ แต่จะเร่งรัดการผลิตและบริหารจัดการให้ดีที่สุดร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยเบื้องต้นจะจัดส่งให้โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงในขณะนี้ ส่วนกลุ่มที่เหลือจะกระจายผู้จำหน่ายสมาคมร้านขายยา สายการบินต่างๆ และประชาชนให้มากที่สุด โดยวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ กรมการค้าภายใน จะจัดรถโมบายจำนวน 20 คัน เพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าไปยังพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เช่นเดียวกับต่างจังหวัด จะจัดรถโดยประเมินตามความเหมาะสม
ส่วนกรณีกระแสข่าวมีพ่อค้าคนกลางไปซื้อหน้ากากอนามัยจากโรงงานผลิต จนส่งผลให้หน้ากากกระจายไปไม่ทั่วถึงนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ 2 คนไปประจำที่โรงงานผลิตแล้ว เพื่อกำกับดูแลการผลิต รวมถึงตัวเลขการผลิต ซึ่งจะต้องรายงานมายังศูนย์กระจายหน้ากากอนามัย ที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขให้รับทราบทุกวัน สำหรับราคาหน้ากากอนามัยที่มีราคาสูงนั้น เนื่องจากโรงงานผลิตมีต้นทุนสูงขึ้นจากวัตถุดิบที่แพงขึ้น แต่รัฐบาลจะควบคุมให้อยู่ที่ราคา 2.50 บาทซึ่งเป็นราคาควบคุม ซึ่งต้นทุนส่วนเกินคณะรัฐมนตรี จะจัดสรรเงินงบประมาณสนับสนุนเพื่อให้ขายในราคาควบคุมต่อไปได้
ส่วนผู้ที่ทำผิดกฎหมาย หรือเข้าหลอกลวงประชาชน จะดำเนินการตามกฎหมาย ขณะนี้ได้ดำเนินคดีไปแล้ว 60 คดี ส่วนใหญ่เป็นการขายเกินราคา มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงให้ระมัดระวังการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ หลังได้ดำเนินคดีไปแล้ว 5 ราย พร้อมมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปดำเนินการช่วยประสานงาน นอกจากนี้ ยังสั่งการยังไม่ให้มีการส่งหน้ากากอนามัยไปขายยังต่างประเทศ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และมีเพียงพอต่อความต้องการ ยกเว้นประเภทที่ผลิตเพื่อขายต่างประเทศซึ่งประเทศไทยไม่ใช้