โพสเมื่อ 04/03/2020 09:18 น.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับ หน้ากากอนามัยไม่เพียงพอ เล็งใช้งบฉุกเฉิน 225 ล้าน ผลิตเพิ่มเป็น 38 ล้านชิ้น หรือ 1.3-1.4 ล้านชิ้นต่อวัน โดยจะเพิ่มการผลิตในวันอาทิตย์ หรือผลิตต่อเนื่อง 7 วัน ไม่มีวันหยุด
วันที่ 3 มีนาคม 2563 สำนักข่าว INN รายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงได้เสนอมาตรการในการผลิตและแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้เพียงพอต่อความต้องการในขณะนี้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรม และหน้ากากอนามัยทางเลือกที่ทำจากผ้า ซึ่งส่วนนี้มอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ และแจกให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ จำนวน 50 ล้านชิ้น โดยผ่านงบประมาณกลางฉุกเฉิน 225 ล้านบาท
ส่วนหน้ากากที่ผลิตในโรงงาน ตอนนี้มี 11 โรงทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้รวมกำลังผลิตได้ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือ 1 ล้านชิ้นต่อวัน และตอนนี้ผลิตได้ 36 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน จะเพิ่มเป็น 38 ล้านชิ้น หรือ 1.3-1.4 ล้านชิ้นต่อวัน โดยจะเพิ่มการผลิตในวันอาทิตย์ หรือผลิตต่อเนื่อง 7 วัน ไม่มีวันหยุด โดยรัฐบาลเองให้มีการเสนอมาตรการอุดหนุนการผลิต เช่น การลดภาษีเครื่องจักร หรือ BOI เป็นต้น ทั้งนี้ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่กระทรวงประจำโรงงานผลิต เพื่อกำกับการผลิต ตัวเลขการผลิต และตัวเลขกระจายสินค้า และรายงานมาที่กรมการค้าภายในทุกวัน
ส่วนวัตถุดิบก่อนหน้านี้นำเข้าจากประเทศจีน ปัจจุบันย้ายมาเป็นไต้หวันกับอินโดนีเซีย ซึ่งมีต้นทุนสูงขึ้นมาก และทางกระทรวงได้ขอให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกหาแหล่งวัตถุดิบเพิ่มเติม โดยกำหนดให้ราคาขายไม่เกิน 2.5 บาท และหากมีต้นทุนสูงกว่านั้น ทางรัฐบาลจะรับภาระส่วนต่าง และไม่อนุญาตให้ส่งออกหน้ากาอนามัย ส่วนใครที่ขายเกินราคาก็จะถูกดำเนินการทางกฎหมาย ก่อนหน้านี้ดำเนินการไปแล้ว 51 คดี วันนี้อีก 9 คดี รวมเป็น 60 คดี ย้ำว่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งการขายหน้ากากทางออนไลน์ที่อาจจะมีการหลอกลวง ประชาชนต้องระวัง และได้ประสานกับกระทรวง DES เอาผิดผู้กระทำความผิดทางออนไลน์ที่ขายเกินจริง ไม่มีคุณภาพ รวมทั้งเจ้าของแพลตฟอร์มต่อไป
ทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้กระจายหน้ากากอนามัย โดยจะกระจายให้กระทรวงสาธารณสุข 30% หรือ 10 ล้านชิ้นต่อเดือน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องการใช้มากที่สุด จากนั้นจึงกระจายให้ร้านขายยา อุตสาหกรรมการบิน และประชาชน และในรอบนี้ต้องกระจายให้โรงพยาบาลเอกชนด้วย โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่แจกจ่าย นอกจากนี้อาจจะมีการพูดคุยเรื่องสัดส่วนกันใหม่เพื่อให้เพียงพอต่อบุคลากรการแพทย์ โรงพยาบาล องค์การเภสัชกรรม และสภากาชาดไทย
ทั้งนี้ในวันพฤหัสบดีจะมีรถโมบายออกกระจายหน้ากากอนามัยให้ประชาชน 20 คันในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และในต่างจังหวัดอีก 2-3 คันต่อจังหวัด