เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 63 พ ต ต สุชาติ สมบูรณ์ สารวัตรสอบสวน สภ บางโทรัด รับแจ้งเหตุ มีผู้เสียชีวิตภายในห้องเช่าแห่งหนึ่ง อ เมือง จ สมุทรสาคร จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ ต อ ศุภชัย ศรสุคนแก้ว ผกก สภ บางโทรัด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ บางโทรัด และเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร
ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าที่ 3 ประตูด้านหน้าถูกล็อคด้วยแม่กุญแจ และด้านในยังล็อคกลอนประตูอีก 1 ชั้น เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดเข้าไปภายในพบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาววัยรุ่น ทราบชื่อ นางสาว บี สัญชาติเมียนมา อายุประมาณ 16 ปี สภาพศพใส่เสื้อยืด นุ่งกางเกงขาสั้น มีเสื้อคลุมใบหน้าไว้ นอนหงายจมกองเลือด จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พบทั่วร่างกายมีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าหลายแห่ง แต่ไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืน คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้ภายในห้อง ยังพบร่องรอยการถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจายทั่วบริเวณ อีกทั้งยังพบคราบเลือดเปรอะเปื้อนทั่วห้องด้วย
จากการสอบถาม นายเอ พี่ชายผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นน้องสาวคนเล็ก ห้องเช่านี้มีคนอยู่รวมทั้งหมด 4 คน คือ แม่ พี่สาวคนโต ตน และผู้ตาย โดยแม่ พี่สาว และตนได้มาเช่าห้องนี้อยู่กว่า 4 ปีแล้ว ส่วนผู้ตายเพิ่งจะมาพักอยู่ด้วยราวๆ 2 ปีเศษ โดยมาทำหน้าที่เลี้ยงเด็ก จนกระทั่งเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา เด็กที่ผู้ตายรับจ้างเลี้ยงถูกส่งกลับไปที่ประเทศเมียนมา จึงทำให้ผู้ตายไม่ได้ทำงานอะไร เพราะอายุยังเด็กไม่ถึงเกณฑ์ทำงานในโรงงานได้ จึงพักอยู่ที่ห้องเพียงลำพังตอนกลางวัน โดยทุกๆวันเวลาที่ทุกคนออกไปทำงาน ก็จะล็อคกุญแจหน้าห้องไว้ แล้วให้น้องสาวล็อคกลอนประตูห้องด้านในอีกชั้น เพื่อป้องกันอันตราย ทำเป็นเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้อง ส่วนเวลาจะเข้าออกหรือต้องไปหาซื้ออะไรกิน ก็ให้ออกทางด้านหลังห้องแทน ซึ่งปกติทุกวันตนและพี่สาวก็จะโทรศัพท์มาหาผู้ตาย เพื่อพูดคุยด้วยเพราะเป็นห่วง เนื่องจากผู้ตายเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ไม่มีแฟน ไม่ชอบคุยกับคนภายนอก อีกทั้งยังกลัวน้องจะเหงาที่ต้องอยู่ห้องคนเดียว ส่วนเพื่อนข้างห้องก็ไม่ค่อยมีใครอยู่ เพราะทุกคนต้องออกไปทำงาน แต่วันนี้ตนงานยุ่งมากเลยไม่ได้โทรศัพท์มาหาผู้ตาย พอเลิกงานก็กลับเข้ามาที่ห้อง ก็พบว่าน้องถูกฆ่าตายแล้ว โดยเงินสดจำนวน 15000 บาท ที่แม่เก็บซ่อนไว้หายไปด้วย แต่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท ที่แม่ห่อกระดาษเอาไว้นั้น ยังคงอยู่เหมือนเดิม
ด้านเพื่อนข้างห้องชาวไทย เล่าว่า ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเหตุตอนไหน เพราะไม่มีใครได้ยินเสียงผิดปกติใดๆเลย ออกมาจากห้องเกิดเหตุ อีกทั้งเมื่อทุกคนอยู่ในห้องก็จะปิดห้องไว้ ทำให้ไม่ได้ยินเสียงภายนอก ซึ่งห้องเกิดเหตุก็เป็นห้องที่ทุกคนคิดว่าไม่มีใครอยู่ เพราะจะคล้องกุญแจด้านนอกเอาไว้ตลอด
เบื้องต้นตำรวจได้สนธิกำลังลงพื้นที่ ออกติดตามหาร่องรอยและหลักฐาน เพื่อติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่า ฆาตรกรเป็นคนไทยหรือแรงงานข้ามชาติ ส่วนศพผู้เสียชีวิตนั้นได้ส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช ก่อนจะให้ญาติมารับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา