Nissan จัดโปรโมชันลดราคารถยนต์ไฟฟ้า Nissan LEAF ลง 5 แสน เหลือ 1.49 ล้าน
โปรโมชั่นพิเศษช่วง 1 มีนาคม-5 เมษายน ผู้บริโภคมองราคาไม่จูงใจ สาธารณูปโภค อีวี ไม่พร้อม
นิสสัน ประกาศจัดแคมเปญส่งเสริมการขายสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) รุ่น ลีฟ โดยกำหนดราคาพิเศษ 1,490,000 บาท จากปกติราคา 1,990.000 บาท แต่มีระยะเวลาจัดแคมเปญระหว่างวันที่ 1 มีนาคม-5 เมษายน
ทั้งนี้นิสสัน ลีฟ เปิดตัวมากว่า 1 ปี แต่ยอดจำหน่ายยังไม่เป็นไปตามเป้า คาดว่าไม่ถึง 100 คัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากลูกค้ามองว่าระบบสาธารณูปโภค อีวี ยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ เช่น หัวชาร์จ สถานีชาร์จ และอุปสรรคสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ ราคาที่ผู้บริโภคเห็นว่าค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อเกิดการเปรียบเทียบกับอีวีที่เปิดตัวในเวลาไม่ห่างกันนักอย่าง เอ็มจี แซดเอส อีวี ที่ตั้งราคา 1,190,000 บาท
ความต่างของราคานอกจากประเด็นที่นิสสัน พยายามอธิบายกับผู้บริโภคว่า ลีฟ เป็นรถที่สร้างขึ้นมาเป็นอีวี โดยตรง ขณะที่รถบางยี่ห้อ ใช้รถที่มีอยู่แล้ว มาปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นระบบไฟฟ้า
นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งยังเป็นผลมาจากเรื่องของภาษีนำเข้า โดยนิสสัน ลีฟ เป็นรถที่นำเข้าจากญี่ปุ่น โดยได้สิทธิพิเศษด้านภาษีนำเข้าจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น หรือ เจ เทปป้า ทำให้เสียภาษีลดลงเหลือ 20%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนเอ็มจี ได้สิทธิพิเศษด้านภาษีนำเข้าเช่นกัน จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี อาเซียน-จีน ในอัตรา 0% ซึ่งมีส่วนทำให้ตั้งราคาจำหน่ายที่ไม่สูงเกินไป
อย่างไรก็ตาม การลดราคาดังกล่าวถือเป็นสงครามการแข่งขันดานราคาในฐานะผู้เล่นรายใหญ่อย่าง นิสสัน ลีฟ ที่ครองแชมป์รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกด้วยยอดขายมากกว่า 280,000 คันทั่วโลก ซึ่งหากเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่วางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยในขณะนี้ อย่าง MG ZS ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1.19 ล้านบาท และ MINI Electric (MINI Cooper SE) ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2.19 ล้านบาท และ Audi E-Tron ที่มีราคาอยู่ที่ 5.09 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับการวางตำแหน่งราคาขายของแต่ละแบรนด์แล้วนั้น มีความชัดเจนในการจับกลุ่มลูกค้าพอสมควร โดยการปรับราคาในครั้งนี้หากมองในด้านการแข่งขันทางการตลาด นับเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดหนึ่งที่ นิสสัน หวังจะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างมากขึ้นเพื่อให้แบรนด์เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยราคาแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ตาม
หลังจากนี้ผู้เล่นในตลาดรายใหม่สำหรับกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้างานนี้น่าจะไม่หมูเท่าไรแล้ว เพราะถึงขั้นเปิดสงครามราคามาได้ดุเดือดเร้าใจขนาดนี้ ยิ่งถ้านโยบายการสนับสนุนทางด้านภาษีจากทางภาครัฐมีความชัดเจนแล้วล่ะก็น่าจะทำให้การเข้าถึงของราคารถยนต์ไฟฟ้าสู่ผู้บริโภคได้ง่ายดาย