7 มีนาคม 63 นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นของหน้ากากอนามัยที่ปัญหาการขาดแคลนยังไม่บรรเทา ซึ่งพบว่าหลายรพ.ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่นเอาหน้ากากแบบผ้ามาใช้ ซึ่งทางการแพทย์ถือว่า มีความเสี่ยงมาก เพราะหน้ากากทางการแพทย์จะมีการเคลือบเพื่อป้องกันเชื้อซึมเข้าไปหน้ากกด้านในได้
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ โพสต์ระบุว่า “Fail state รัฐล้มเหลวในการจัดการหน้ากากอนามัย แล้วเราจะรอดไหม ความขาดแคลนหน้ากากอนามัยยังหนักหนามากในทุกโรงพยาบาล ่มีใช้อยู่อย่างจำกัดจำเขี่ยสุดๆ ส่วนหนึ่งเจ้าหน้าที่ซื้อหามาเอง พยาบาลโรงพยาบาลจะนะในตึกผู้ป่วยในบอกว่า
“หน้ากากมีไม่พอให้เบิก แต่ต้องใช้ในการป้องกันตนเอง จึงสั่งซื้อเองทางออนไลน์ กล่องละ 750 บาทก็ต้องยอมตัดใจซ์ื้อ สั่งปุ๊ปของก็ส่งมาในทันที” ฟังแล้วชวนให้นึกถึงความล้มเหลวในการจัดการหน้ากากอนามัยของรัฐบาล
ก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด19 โรงพยาบาลจะนะสั่งซื้อหน้ากากอนามัยเกรดดีสีเขียว 3 ชั้น อยู่ที่กล่องละ 33 บาทเท่านั้น (กล่องละ 50 ชิ้น) แต่ปัจจุบันราคาตลาดมืดหรือออนไลน์ขึ้นมาถึง 700-1,200 บาท หรือขึ้นมามากกว่า 20 เท่า ถ้ากล้าสั่งก็มีของให้ไม่อั้น
ทุกวันนี้มีคนไทยใจดีสั่งหน้ากากอนามัยที่แสนแพงมาบริจาคให้โรงพยาบาล ซึ่งโดยส่วนตัวของผมนั้นไม่อยากให้ซื้อมาบริจาคเลย เพราะเท่ากับไปสนับสนุนให้ไอ้โม่งที่ตัดของไปกักตุนสินค้ากระจายในตลาดมืดนั้นร่ำรวย และนี่ควรเป็นหน้าที่ของรัฐในการจัดการให้ทุกโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนไม่ขาดแคลนหน้ากากอนามัย
กระทรวงพาณิชย์บอกว่า ประเทศไทยผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 1.3 ล้านชิ้น และกระจายให้โรงพยาบาล 7 แสนชิ้น แต่ทำไมเหมือนแทบจะไม่มีใครได้รับหน้ากากเหล่านั้นเลย
ความขาดแคลนยังปรากฏไปทั่ว ร้านขายยาก็ไม่มีของจะขาย ไม่มีใครเชื่อรัฐบาล ทุกคนทุกโรงพยาบาลดิ้นรนกักตุนเอง ไม่มีคำมั่นการการันตีใดๆว่า แต่ละโรงพยาบาลจะได้รับส่วนแบ่งหน้ากากอนามัยเดือนละกี่กล่อง นี่คือ fail state ในการจัดการหน้ากากอนามัย
เพื่อให้หลุดพ้นจากวงจรรัฐล้มเหลวในการจัดการหน้ากากอนามัย ผมขอเสนอให้รัฐบาลตั้งตัวแทนภาคส่วนต่างๆทั้งจากสภาวิชาชีพ ตัวแทนโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป
ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมทันตะภูธร ชมรมพยาบาลชุมชน ตัวแทนกลุ่มภาคประชาชน ตัวแทนผู้บริโภค มาร่วมจัดสรรหน้ากากอนามัยกับกระทรวงพาณิชย์ และตรวจสอบด้วยว่า “หน้ากากอนามัยหายไปไหน” “ใครคือไอ้โม่ง”
รัฐล้มเหลว แต่เราเดือดร้อนหนักมาก จึงต้องลุกขึ้นมาขอมีส่วนร่วมในการจัดการเอง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะแก้ปัญหา “หน้ากากอนามัยหายไปไหน” ให้ได้ ก่อนที่จะมีการระบาดขั้นที่ 3 ในประเทศไทย รัฐล้มเหลว เราจึงขอร่วมบริหารเอง ขอสังคมไทยช่วยกันกดดันรัฐบาลให้ภาคประชาชนเข้าไปจัดการแทนก่อนจะหายนะจะมาครับ”
โพสต์ดังกล่าว