วงเสวนา “ไม่ทนคนโกง ยิ่งเปิด ยิ่งโปร่งใส” ร่วมแลกเปลี่ยนแนวแก้ปัญหาทุจริตในไทย ต้องเริ่มจากการไม่วางเฉยกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในสังคม ควบคู่การเปิดเผยข้อมูล การป้องกัน และปราบปรามผู้ทุจริตอย่างต่อเนื่อง
นายอุทิศ บัวศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ร่วมงานเสวนาในห้วข้อ “ไม่ทนคนโกง NO MORE CORRUPTION ยิ่งเปิด ยิ่งโปร่งใส” เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมองที่แตกต่างจากบุคคลที่หลากหลายในสังคม พร้อมสร้างความตระหนักถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น โดย นายอุทิศ ยอมรับ ปัญหาสินบน เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของไทย ที่เกิดจากพฤติกรรมของคน ซึ่ง ป.ป.ช. พยายามดำเนินการปราบปรามและตรวจสอบทรัพย์สินผู้ที่ทุจริตคอรัปชั่นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจน การปลูกฝังวิธีคิดที่ถูกต้อง
ด้าน นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ มองว่า สถานการณ์การทุจริตในประเทศไทย ยังคงไม่ดีขึ้น จึงต้องใช้ 4 วิธี เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ได้แก่ การไล่ตามจับ, การปลุกจิตสำนึกไม่ให้คนโกง, การออกแบบระบบให้การทุจริตทำได้ยาก และ การใช้พลังของประชาชนต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งต้องใช้ทุกวิธีร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในวิธีสำคัญ คือ การออกแบบระบบให้การทุจริตทำได้ยาก ที่ต้องเริ่มจากภาครัฐที่ต้องเปิดให้ภาคประชาชนทำธุรกิจโดยเสรีและถูกต้องตามกฎหมาย, การลดใบอนุญาตอนุมัติต่าง ๆ ให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยการทำให้การอำนวยความสะดวกในการขออนุมัติอนุญาต ให้บังคับใช้ได้จริง และเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งการเปิดเผยนี้ ต้องอยู่ในรูปแบบที่เอาไปใช้ต่อได้ เพื่อยกระดับการต่อสู้กับคนโกง
ด้าน นางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม อดีตนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ออกมาเปิดข้อมูลถึงความไม่โปร่งใส ในการเบิกจ่ายงบประมาณเงินสงเคราะห์ของผู้มีรายได้น้อย ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ให้ความเห็นว่า การไม่ทนคนโกง ต้องเริ่มจากการไม่วางเฉยกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในสังคม และครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุน