เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราว ที่ทำแฟนๆห่วงไปตามๆกัน เมื่อล่าสุด เติ้ล ตะวัน ได้ควงแขน กระแต เสาวคนธ์ ออกมาอัปเดตอาการของ น้องมียา ให้ฟังว่า ป่วยเป็นอาร์เอสวี ซึ่งเป็นโรคที่พบมากในเด็ก แต่เพราะตัดสินใจไปโรงพยาบาลได้ทันจึงทำให้อาการไม่แย่มาก ทั้งนี้ เติ้ล-กระแต ยังยอมรับด้วยว่าแอบเป็นห่วงเรื่องความสูงของลูก เนื่องจากเคยไปปรึกษาหมอ ได้รับคำตอบมาว่าอาจจะสูงเต็มที่ได้แค่ 140 ซม. เพราะปัจจัยหลายอย่าง แต่ตอนนี้ได้ลองเปลี่ยนหมอท่านใหม่ ยอมรับว่าโล่งขึ้น เนื่องจากคำแนะนำในการปรับฮอร์โมนที่เป็นไปได้
น้องมียาป่วยเป็นอาร์เอสวี (RSV) เห็นว่าลงปอด ?
กระแต : “ก็ลงไปนิดหนึ่ง คือเราไปถึงโรงพยาบาลเร็ว หมอก็เลยตรวจเช็กเร็ว คือเอ็กซเรย์ปอดก็รักษาได้เร็วมาก อาการน้องแค่ไข้ขึ้นสูงประมาณ 40 แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าเขาไข้ขึ้นสูงต้องให้เขากินยาอะไร คือเราก็เลี้ยงเขามา 1 วันเต็มๆ คิดว่าเดี๋ยวไข้ก็ลง ปรากฏว่าไม่ลง และพอเราให้กินยาแรงไข้ก็ลง เขาวิ่งเล่นเหมือนไม่เป็นอะไรเลย แต่ก็มีอาการไอนิดหน่อย แต่พอ 6 ชั่วโมงผ่านไป พอมาวัดไข้ก็ 40”
คือเราวางใจว่าไม่เป็นอะไรมาก ?
กระแต : “ใช่เพราะเรากำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน เราก็แพ็คกระเป๋าแล้วเพราะตั้งใจจะไปนอนทะเล 3 วัน พอขึ้นรถไป พอดีรถติดกลางทาง เขาก็ร่วงลงไปเหมือนหลับ แล้วก็หงอยๆ เราก็คิดว่าจะเอาอย่างไรดี คืออีก 3 ชั่วโมงถึงทะเลล่ะ ถ้าไปถึงก็ 3 ทุ่ม ก็ตัดสินใจกลับบ้าน แต่แวะโรงพยาบาลนิดหนึ่ง ไปตรวจไข้หวัดใหญ่ สรุปเป็น อาร์เอสวี”
คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง ?
กระแต : “คุณหมอก็บอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้ก็ลงปอดหนักกว่านี้ ปอดอักเสบและอาจจะเป็นปอดเรื้อรัง เขาเป็นก่อนกำหนด เขาเกิดก่อนกำหนดเขามีเซนซิทีฟที่จะรับอะไรเหล่านี้อยู่แล้ว”
อาร์เอสวี (RSV) มาทางไหน ?
กระแต : “มาทางอากาศ มันเป็นโรคหนักในเด็ก คือถ้าติดผู้ใหญ่จะเป็นแค่เหมือนหวัดธรรมดา เราก็แค่เลี้ยงลูกอยู่ตอนนั้น ก็เข้าโรงพยาบาลอยู่ 3-4 วัน เราก็คิดว่าเราแข็งแรงแล้ว สรุปว่าโอนมาที่แม่ แม่ก็มีอาการปวดท้องเหมือนไวรัสลงกระเพาะ หมอก็บอกว่านี่แหละ แล้วโรคนี้มันกลับมาเป็นได้อีกเรื่อยๆ”
เติ้ล : “เป็นเชื้อไวรัส คล้ายโควิดนี่แหละแต่เป็นในเด็ก เป็นโรคประจำของเด็ก มันจะเป็นหน้า ช่วงที่ใครๆ เป็นอาร์เอสวี มียาเป็นมือเท้าปาก และช่วงที่เขาเป็นไข้หวัดใหญ่ มียาเป็นอาร์เอสวี คือถ้าเอาลูกเข้าโรงเรียน ทุกคนรู้จักโรคนี้ดี”
เป็นห่วงลูกไหม เพราะลูกเราก็ป่วยบ่อย ?
กระแต : “ขนาดเราเอาเขาเก็บไว้ที่บ้านอย่างดี พาเขาออกบ้านไปแป๊บเดียว เป็นอาร์เอสวี คือแต่ละโรคคือใหญ่มาก คือเราก็ชินนะและเราก็เรียนรู้ว่าถ้าเขาไปโรงเรียนมาอีกแน่นอน แต่เราไม่นอยด์นะ เพราะเรารู้สึกว่าเรารักษาได้ และหมอที่เราไปหาเราก็ไว้วางใจเขา แค่เราเอาใจใส่ลูก เช็กเขา ไอไหม ตัวร้อนไหม เราคิดว่าอย่างไรก็รักษาทัน”
เติ้ล : “คือหลายคนอาจจะคิดว่ามียาป่วยบ่อย แต่เรารู้สึกว่าถ้าลูกป่วยนิดหนึ่ง เราพาลูกเข้าโรงพยาบาลเพราะมันเซฟกว่า บางคนอาจจะบอกว่าไม่อยากให้เอาเด็กไปโรงพยาบาลบ่อย แล้วเราจะเอาลูกไปไหน แล้วรักษาอย่างไร ก็ต้องไปไหมเพราะเรารู้สึกว่าไปโรงพยาบาลมันเซฟสุดแล้ว และลูกเราได้น้ำเกลือมันก็ฟื้นตัวเร็ว”
ก่อนหน้านี้เติ้ลห่วงที่ผมน้องมียาไม่ค่อยยาว ?
เติ้ล : “ใช่ เพราะผมมันไม่ยาวสักที ผมคิดว่ามียาเขาเป็นเหมือนมังสวิรัติ คือกินแต่ผักและผลไม้อย่างเดียว ไม่กินข้าว เนื้อสัตว์ไม่กินเลย มันเลยส่งผลกระทบถึงภูมิคุ้มกันเขาด้วย เพราะเขากินอาหารไม่มีประโยชน์มาก แต่พอเราเปลี่ยนพี่เลี้ยงใหม่มา เขาก็ดีขึ้น โตขึ้น กินข้าวเยอะขึ้น กินกับด้วย ก็เริ่มแข็งแรงเพิ่มขึ้น”
กระแต : “หาเยอะ หาทุกหมอ แต่เอาเข้าจริงๆ คือหมอพูดมันใช้จริงกับเราไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย ตัวเด็กของเราด้วย แต่ก็แค่ฟังไว้เป็นไกด์ไลน์ ว่าถ้ายูให้ลูกทำแบบนี้ อย่างทำไมเราต้องเลิกให้ลูกกินนมตอนดึก คือเราอยากให้ลูกเราโต ดึกแค่ไหนเราก็ยัด ใครจะให้งดนมมื้อดึกเราไม่งด ให้กิน จนไปหาหมอฟัน หมอก็บอกว่าระวังฟันจะผุนะ เราก็เริ่มนึกได้ เพราะถ้ากินตอนกลางคืน กินเสร็จเขาก็นอน สรุปก็ต้องงด แต่ก็ค่อยๆ ถอนออก ก็ให้กินน้ำเปล่าครึ่งหนึ่ง นมน้อยๆ จางๆ คือให้มันมีกลิ่น คือเขาก็ทำได้ เรื่องฟันผุก็ไม่ผุแล้ว ก็ให้ขยันแปรงฟัน ส่วนเรื่องโภชนาการเราก็พาไปหาหมอ 2 ที่ แล้วเราก็คอมแพร์ว่าการคุยกับหมอแต่ละท่านเป็นอย่างไร คุยกับบางท่านเราก็รู้สึกว่าโหดไปที่ลูกต้องกินผักเท่านั้น กินแป้งเท่านั้น คือบางทีเราก็ไม่รู้ว่าเปอร์เซ็นต์ต่างๆ ที่หมอบอกคืออะไร ผักบางอย่างต้มไปวิตามินก็ออกไป เราก็ไม่รู้เขาจะได้วิตามินเท่าไหร่”
เราก็มองสุขภาพลูกในระยะยาว ?
เติ้ล : “ประเด็นเลยคือเขาต้องสูงกว่าแม่”
กระแต : “เรากลัวเขาตัวเล็ก วันหนึ่งเราพาลูกไปหาหมอภูมิแพ้ เสร็จเห็นห้องหนึ่งเห็นหมอดูเก่ง คือคิดเองก็เลยไปถามพยาบาลว่าหมอท่านนี้ตรวจอะไร พยาบาลก็บอกว่า หมอดูเกี่ยวกับฮอร์โมนพัฒนาการกระดูก เราก็เลยบอกพยาบาลว่า เอาๆ ขอจองต่อเลยได้ไหม ขอไปหาหมอภูมิแพ้ก่อน เดี๋ยวออกมาเจอหมอคนนี้ พยาบาลก็ทำคิวให้ ก็เข้าไปกัน 2 คน หมอก็บอกว่า เขาเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักเท่านี้ พ่อสูงเท่านี้ แม่สูงเท่านี้ ลูกสูง 140 เขาบอกเลย”
เติ้ล : “เราก็ถามหมอว่าต้องทำอย่างไรที่จะทำให้ลูกสูงกว่านี้ หมอบอกว่าให้ทำใจ คำถามคือแล้วกูจะไปหามึงทำไม (หัวเราะ) คือผมไม่เครียดเรื่องความสูงของลูกหรอก คิดว่าตลก”
กระแต : “คือเราเครียดนะ เราอยากให้เขาสูงกว่าเรา มันเป็นความหวังของเราอยู่แล้ว แต่พอเราฟังหมอแล้วหมอบอกว่าเขาจะสูง 140 เราคิดว่าไม่ใช่”
เติ้ล : “ตอนนี้เราไปหมอคนใหม่ เพราะตอนนี้มียาเข้าเกณฑ์ละ ซึ่งคุณหมอบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ลูกจะมีความสูงเฉลี่ย 155 คือสูงที่สุดของเขาคือ 164 เตี้ยสุดก็ 140 เราก็รอดูความเป็นไปได้ว่าจะสามารถขยับเขาให้สูงขึ้นไปอีกได้ไหม”
อันนี้กระบวนการคือโภชนาการเป็นหลักใช่ไหม ?
กระแต : “ใช่ กินกับนอน เรื่องนอนสำคัญ เพราะคุณหมอบอกว่าอยากให้เขาหลับสนิทเลย พอหลัง 3 ทุ่มฮอร์โมนจะหลังทันที เขาถึงไม่อยากให้เด็กตื่นขึ้นมาดื่มนมกลางดึก เพราะเขาตื่นปุ๊บ ฮอร์โมนเขาจะหยุดหลั่งทันที”