ล่าสุด มด ควงคุณแม่แดง มาเปิดใจผ่านทาง คุยแซ่บSHOW ทางช่องONE31 สู่เส้นทางแอร์โฮสเตส เคลียร์ดราม่าไม่ขึ้นคอนเสิร์ตกามิกาเซ่ ว่า
ตอนนั้นที่พูดว่าดัง ดังขนาดไหน?
มด : “ตอนนั้นมดยังเด็กมาก ด้วยความเด็กมากเราไม่รู้อะไรคือดัง เราจะเอ็นจอยกับการทำงานมากกว่า พอเราโตขึ้นมา เรามองย้อนกลับไป เออเนอะสมัยก่อนเราค่อนข้างนิดนึง เพราะว่าเวลาเราไป School Tour เรารู้สึกว่าน้องๆ เขากรี๊ดกันเยอะมาก”
แม่ตอนนั้นลูกดังขนาดไหน?
แม่แดง : “ดังแบบไม่ได้ตั้งตัว การที่เอาเขาไปทำแม่เครียด เห้ย…ยังเรียนอยู่เลย อยู่ม.ต้นเอง อนาคตยังอีกไกล การเรียนหนังสือสำคัญ”
เขาชอบหรือเปล่า หรือว่าแม่อยากให้ทำ?
มด : “เราชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว ก็เรียนร้องเพลง อยู่ดีๆ วันนั้นในคลาสเรียนโฟร์เขามาเรียนด้วย แล้วก็มีโปรดิวเซอร์มาด้วย เราก็ไม่รู้นั่งเรียนปกติ จนกระทั่งโฟร์เขาร้องเพลงให้โปรดิวเซอร์ฟัง พอร้องเสร็จปุ๊บครูก็บอกว่าไหนๆ ก็มาแล้วดูน้องๆ หน่อย พอร้องเสร็จปุ๊บโปรดิวเซอร์หันมาขอเบอร์ แล้วในช่วงสมัยนั้นยังมีข่าวแมวมองชอบหลอกอยู่”
กลัวขนาดไหนที่เขามาขอเบอร์เรา?
มด : “ตอนนั้นถามว่ากลัวไหม รู้สึกประหลาด รู้สึกแบบอยู่ดีๆ มาขอเบอร์เรา เราก็เลยให้เบอร์แม่ไป แล้วเราก็ไม่บอกแม่ด้วย เพราะคิดว่าไม่น่ามีอะไรหรอก ก็ไม่สนใจอะไร”
แม่แดง : “ผ่านไป 2-3 วัน เลขาพี่เจมส์ เรืองศักด์ โทร.เข้ามาบอกว่าอยากได้น้องมดมาทำคู่ดูโอ้ แม่ก็งงว่าเอาเบอร์แม่ไปได้ยังไง”
ใจแม่ไม่อยากให้เป็นนักร้อง อยากให้เขาเรียน?
แม่แดง : “แม่วางแพลนด้วยว่าให้เขาจบมหาวิทยาลัยก่อน ค่อยไปประกวดซุปเปอร์โมเดล”
พอไม่ได้ทำเพลงแล้วมดก็ไปเป็นนักแสดงเต็มตัว?
มด : “ใช่ เป็นนักแสดงอยู่ประมาณ 1-2 ปี”
ถึงจุดอิ่มตัวหรือเปล่าหรือหันไปเป็นแอร์โฮสเตส?
มด : “มันเหมือนกับว่าเราได้มาถามตัวเองว่าที่เราทำอยู่มันมั่นคงพอไหม เพราะ1.คือเราเป็นลูกคนเดียว ถ้าเกิดไม่มีเราแล้วใครจะดูแลพ่อแม่ พอเราได้คำตอบว่ามันไม่มั่นคงพอ เราเริ่มหันไปมองทางด้านอื่น”
ระหว่างที่น้องรองานช่วงนั้นทางบ้านทำงานหมดไหม?
แม่แดง : “คุณพ่อทำงาน แต่เราก็อยากให้เขาทำอะไรที่มั่นคง มีรากฐานของชีวิต”
ตอนนี้เป็นแอร์มาได้กี่ปีแล้ว?
มด : “2 ปีกว่าแล้ว ชีวิตการเป็นแอร์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนละเรื่องกันเลย เพราะว่าคนอาจจะคิดว่าการเป็นแอร์จะต้องเรียนหนังสือเยอะ ต้องอ่านหนังสือเยอะ ก่อนที่เราติดปีกไปทำงานบนเครื่องจริงๆ ได้เราต้องเทรนด์ก่อน ซึ่งเวลาเทรนด์มีเวลา 3 เดือน ซึ่ง 3 เดือนนี้อยู่ที่ไทยด้วย แล้วก็อยู่ที่มาเลเซียด้วย แล้วก็ไปเทรนด์มีการอ่านหนังสือ มีการสอบ มีการเรียนเกี่ยวกับเซฟตี้ทุกอย่างบนเครื่องบิน”
ตอนที่เราตัดสินใจว่าจะเป็นแอร์ใจตอนนั้นอยากเป็นไหม?
มด : “ตอนแรกไม่กล้า มันเหมือนเราออกจากพื้นที่ออกไป ก้าวจากจุดที่มันมีอยู่แล้วไปสู่จุดศูนย์ เราก็ไม่รู้ว่าเราไปแล้วจะสู้คนอื่นได้ไหม เพราะคนอื่นมีการเตรียมตัวมาค่อนข้างเยอะ เราไม่รู้อะไรเลย เพิ่งศึกษาข้อมูล แล้วก็ไปสอบ TOEIC สมัคร แล้วก็ผ่านหลายๆ ด่าน เราก็ไม่รู้ว่าได้ไหม แต่หลายคนบอกว่าเป็นดารายังไงก็ได้”
มีกระแสไหมว่าเป็นดารามันก็เลยได้?
มด : “มี หนูเชื่อว่ามี”
แม่แดง : “เขาคิดว่าแม่ใช้เส้นหรือเปล่า แต่แม่ไม่รู้จักใคร”
แล้วไปเจอกับสจ๊วตหนุ่มหล่อได้ยังไง?
มด : “จริงๆ ความสัมพันธ์เริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนากันไป”
ตอนนั้นใครจีบใคร?
มด : “มันไม่มีใครจีบใคร”
ทิว : “ผมๆ เริ่มจากการเป็นเพื่อน ตอนแรกเห็นเขาร้องเพลงน่ารักๆ แบ๊วๆ แต่พอรู้จักเขาเป็นคนห้าวๆ ผมก็ซื้อขนมปังไปให้”
ทำไมเขาถึงผ่านแม่?
แม่แดง : “คือด้วยแว๊บแรกที่เราเห็นเขาเนี่ย เราถูกชะตา คนนี้เขากล้าอย่างนึง กล้าเข้ามา”
ทิวจะแต่งงานเมื่อไหร่?
ทิว : “ในใจคิดอยู่แล้ว แต่ขอเวลาแป๊บหนึ่ง”
ทำไมคอนเสิร์ตกามิกาเซ่ไม่มีชื่อโฟร์-มด?
มด : “เอาจริงๆ มีผู้ใหญ่ติดต่อมาหลายรอบเลย แต่ว่า เราก็ยอมรับเลยเรามีตารางบินของเรา เราจะรู้เดือนต่อเดือน เราจะไม่ได้รู้ล่วงหน้า 2-3 เดือน แล้วอีกอย่างหนึ่งมดทำงานในบริษัท และมดเชื่อว่าแต่ละบริษัทเขามีกฎของเขาที่เราต้องปฏิบัติตาม แล้วพอเรามาเทียบกันแล้วเราไม่น่าไหว เรายอมรับตรงๆ เลยว่าเราเป็นคนที่ถ้าเกิดเราทำงานเราอยากเต็มร้อยกับทุกอย่าง แต่ถ้าเกิดเรารู้ว่าเราไม่เต็มร้อยแล้วเราไปทำตรงนั้นเราจะรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง”
บางคนเขาคิดว่า โฟร์-มด มีปัญหาเรื่องเงินหรือเปล่า?
มด : “ไม่มีๆ เพราะว่าทุกวันนี้เรากับโฟร์ก็ยังคุยกันอยู่ ล่าสุดที่มดลงไปในไอจี โฟร์ก็ส่งดอกไม้มาให้ในวันวาเลนไทน์ ไม่มีอะไร ความสัมพันธ์ยังปกติเหมือนเดิม แต่ว่าเรารู้ตัวเองว่าถ้าเกิดเราทำแล้วเราไม่ไหว แล้วมันมีการมากระทบกับหน้าที่การงานเรา เราก็ไม่อยากเสี่ยง คนไปดูก็จะดูแค่วันเสิร์ต แต่คนที่เล่นคอนเสิร์ตจะต้องมีการทำโปรโมต มีซ้อมแล้วมันต้องซ้อมหลายวัน ช่วงมันเป็นคอนเสิร์ตใหญ่มันไม่ใช่แค่มีโฟร์ มด มันมีศิลปินคนอื่นๆด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการรวมคิวกันหลายๆ คน แล้วถ้าเกิดสมมติว่าจะยึดคิวมดคนเดียวมันก็ดูเห็นแก่ตัวเกินไป เราก็รู้สึกไม่โอเคแล้ว”
ถ้าโฟร์ขึ้นเองเราโอเคไหม?
มด : “โอเค ไม่ซีเรียสอะไรเลย ถ้าเกิดโฟร์เขาอยากขึ้น เราก็พร้อมซัพพอร์ต”
ทำไมมดไม่เรียกโฟร์ว่าพี่?
มด : “อาจจะเป็นเพราะสนิทกัน แต่ก่อนเราเรียกว่าพี่โฟร์นะ เราสนิทกัน เราทำงานด้วยกันมา 10 กว่าปีแล้ว ตอนแรกเราก็เรียกว่าพี่โฟร์”
เบื่อไหมที่คนคิดว่าเรากับโฟร์ตีกัน?
มด : “ตลก เพราะว่าตอนเด็กๆ เรารู้สึกว่าทำไมมีข่าวแบบนี้มาเรื่อยๆ พอโตขึ้นเราเริ่มตลกละ ต่อให้เราตอบไปว่ามันไม่มีอะไรคนก็ยังคิดว่าตีกัน ก็เอาเลยถ้าเกิดคนเขาว่าเราตีก็ปล่อยเขาไป สุดท้ายเราไปเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้”