เพราะความใจดี และทำงานเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร UNHCR ถึงทำให้ ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก ถูกชาวเน็ตทักแชทเข้ามาขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางโซเชียลฯ ไม่ขาดสาย ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเผยประสบการณ์การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินให้แก่คนในโลกออนไลน์ ขณะเดินทางมาร่วมงาน Beauty Gems Let’s Go Green Stop PM 2.5
โดยเธอเล่าว่า ทุกวันนี้มีคนมาขอความช่วยเหลือจากเธอเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับเงินค่าผ่อนรถ เงินค่าเช่าบ้าน ไปจนถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งพอเธอได้ให้ความช่วยเหลือแล้วส่วนใหญ่ก็จะหายเงียบกันไปหมด จึงทำให้พักหลังมานี้เธอเธอเลือกที่จะให้ความช่วยเหลือแบบมีสติ และช่วยแค่เฉพาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือช่วยค่าใช้จ่ายระยะยาวเช่น ทุนการศึกษา กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ดีกว่า
ทุกวันนี้มีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเราผ่านช่องทางโซเชียลฯ เยอะมาก ?
“ใช่ค่ะ ตลอดเลย ถ้าหากพี่ได้เปิดดูกล่องข้อความของปูพี่จะตกใจ เพราะมีเป็นหลักร้อยข้อความเลยค่ะในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งช่วงแรกๆ ปูให้ความช่วยเหลือไปเยอะมากเลยนะคะ บางคนก็บอกว่าบ้านจะโดนยึด รถจะโดนยึด 20,000-30,000 บาท แต่ตอนนั้นเศรษฐกิจดีไงคะ ปูก็โอนให้ แค่ขอดูหลักฐานว่าบ้านจะโดนยึดรถจะโดนยึดจริงหรือเปล่า แต่ว่าตอนนี้ขอแค่หลัก 1000-100 ก่อนนะคะ เพราะปูรู้สึกว่าบางครั้งที่ปูช่วยเหลือเขาไปแล้ว เขาก็หายไปเลย ขอบคุณและก็หายไปได้ ไม่ได้กลับมาบอกข่าวคราวเราว่าเป็นยังไงบ้าง”
“มันก็เลยรู้สึกนิดหนึ่ง แต่ก็ถือว่าเป็นบทเรียนค่ะ การทำทานเราต้องทำอย่างมีสติ เพราะถ้าหากเราทำแบบไม่มีสติมันจะกลายเป็นการทำบาปมากกว่า แต่สำหรับตอนนี้ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นให้ปูช่วยอุดหนุนสิ่งที่เขาขาย ปูก็ยินดี ยินดีที่จะช่วยให้เขาดำรงอาชีพต่อ แต่ถ้าเป็นกรณีแบบ ค่าเช่าไม่มีแล้วจะโดนเตะออกจากหอ เมื่อก่อนปูจะช่วยทันทีนะ แต่อย่างที่บอกพอเขาหายไปเราก็รู้สึกนิดๆ เหมือน เหมือนตอนที่ปูมีข่าวว่าเลิกกับแฟนก็คิดว่าเขาจะมาถามไถ่เรา ก็…ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) สัจธรรมค่ะ เข้าใจ เข้าใจ”
แสดงว่าเราเข็ดแล้วกับการช่วยคนในบางกรณี ?
“ไม่เข็ดค่ะ อยากช่วยนะ อยากช่วย แต่ก็ต้องเลือกช่วยด้วยเหมือนกัน”
พอจะระบุได้ไหมว่าเราช่วยไปเท่าไหร่แล้ว ?
“โห…ถ้าแค่ทุนการศึกษาเด็กก็หลายแสนแล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นพวกค่าเช่าบ้านก็น่าจะแค่หลักแสนต้นๆ ไม่ได้เยอะมาก”
แสดงว่าในแต่ละปีเราเองก็พยายามจัดสรรมาช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ?
“ปูเชื่อมากพี่ ก็คือได้มาง่ายก็ไปง่าย ดังนั้นถ้าได้มาเราก็แบ่งปันซะ ในเมื่อเราเกิดมาและเรามีโอกาสเยอะแล้ว หรือมีงานเยอะแล้ว ช่วงที่มีก็แบ่งๆ ไปเถอะ ตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี”
เราได้ตรวจสอบไหมเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือ ?
“ปูเช็กค่ะ ปูขอตรวจบัตรประชาชน ตรวจสอบทุกอย่าง ดูด้วยว่าสถานการณ์ของเขาเป็นแบบไหน เขาอยู่กันยังไง พ่อแม่เขาอยู่กันยังไง อย่างบางคนบอกว่าบ้านจะโดนยึด พอเรารู้เราเองก็นอนไม่หลับ แต่สุดท้ายปูก็ต้องตั้งสตินิกหนึ่งเพราะปูคนเดียวก็คงช่วยทุกคนทุกเคสไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นปูจึงหันมาช่วยแบบยั่งยืนดีกว่า ช่วยทุนการศึกษา ช่วยผู้ป่วย ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ตอนนี้ก็เก็บเงินระดมเงินอยู่ค่ะ”
สถานการณ์ COVID-19 ส่งผลกระทบกับเรายังไงบ้าง มีผลต่อการรับงานในต่าวประเทศไหม ?
“ปูไม่ค่อยรับงานอีเวนต์อยู่แล้วค่ะ ส่วนเรื่องการเดินทางปีนี้ เอ่อ…ถ้าต้องเดินทางกลับสหรัฐก็คืออยู่ยาวเลยค่ะ อยู่หลายเดือนเลย รวมไปถึงงานแฟชั่นวีค งานพรมแดง อันนี้ปูก็ไม่ไปด้วยเหมือนกันเพราะปูรู้สึกว่าสุขภาพสำคัญกว่า”
ไม่เสียดายโอกาสจากงานต่างๆ ที่มีเข้ามาเลยเหรอ ?
“ไม่เสียดายเลยค่ะ ไปมาแล้วค่ะ และอย่างที่บอก ถ้าหากจะต้องกลับสหรัฐก็หมายความว่ากลับยาว แต่ถ้าไม่กลับก็คืออยู่ที่นี่ยาวเลยเหมือนกัน”
รู้สึกเป็นห่วงไหมเพราะเราเองก็ทำงานร่วมกับ UNHCR และสถานการณ์ COVID-19 ตอนนี้ก็ลุกลามไปทั่วโลกแล้ว ?
“เป็นห่วงมากค่ะ แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนแพนิคและก็ไม่อยากให้ทุกคนเหยียดกันเองด้วย เพราะปูเข้ามาทำงานตรงนี้ปูเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ว่า ถ้าหากคนเราจะสามัคคีกันมันก็คือยุคนี้แหละค่ะ เราควรจะดูแลกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมถึงเป็นห่วงประเทศเพื่อนบ้านและประเทศของตัวเองด้วย เพราะทุกคนก็คือมนุษย์ เราควรปกป้องตัวเองเพื่อไม่ให้ติดคนอื่นค่ะ”
แพลนการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเยี่ยมคนในค่ายผู้ลี้ภัย ณ ตอนนี้ยังมีอยู่ไหม ?
“ช่วงนี้งดไปค่ายผู้ลี้ภัยจนเกือบถึงปลายปีเลยค่ะ”