ก่อนหน้านี้มีข่าวครึกโครมว่า นักร้อง นักแสดง ดีกรีนางงาม “เมญ่า” นนธวรรณทัศ หย่าสามีชาวต่างชาติแล้ว หลังมีลูกชายด้วยกัน 1 กัน ล่าสุด สาวเมญ่า มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในพิธีเปิดเทศกาลงานแต่ง SABUYWEDDING FESTIVAL 2020 ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ เปิดใจถานะหัวใจล่าสุด ว่า
จะกลับมารับงานมากขึ้น“อยากกลับมารับงานมากขึ้น ตอนนี้ก็มีติดต่อเข้ามาบ้าง แต่ก็หวั่นหลายๆ อย่างด้วย เลยดูตามความเหมาะสม”
ส่วนใหญ่ที่ติดต่อเข้ามาจะเป็นงานแบบไหน“ถ้าเป็นของตัวเองจะเป็นร้องเพลง เต้น อะไรไป ไม่ได้ออกสื่ออะไรมาก ส่วนงานละครก็ดูจังหวะด้วยว่าตอนนั้นอยู่ที่ไทยหรือเปล่า จริงๆ ตอนนี้ก็อยู่ไทยถาวร แต่ช่วงโควิดก็เลยคิดว่าหรือเราควรกลับไปพักก่อนสัก 2-3 เดือน แล้วค่อยกลับมา”
มีความตั้งใจเลยว่าอยากกลับมาทำงาน“ใช่ พอเราไปอยู่เลี้ยงลูกอย่างเดียว บางทีมันก็มีความรู้สึกที่แบบ เรายังมีความสามารถที่จะทำตรงนี้ได้สักพักหนึ่ง แล้วอายุของเราเองก็ยังรับงานต่อได้ ช่วงนี้ลูกก็เข้าภาวะเลี้ยงง่ายมาก ไม่ต้องกังวลอะไรมากแล้ว”
กลับไป สเปน ก็คือไปอยู่กับทางพ่อเขา“ใช่ค่ะ ก็ไปอยู่ที่บ้าน ยังอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้หย่าค่ะ ”
ก่อนหน้านั้นเหมือนมีข่าวมันคือยังไง“มันคือการแยกกันอยู่ค่ะ ด้วยความที่มันมีจุดที่เราไม่สามารถประสานกันได้ตอนนี้ รู้สึกว่าต่างคนต่างต้องการเวลาของกันและกัน เหมือนการลดสถานะทำให้เราสบายใจกว่า แล้วก็ไม่ต้องทุกข์ ก็เคลียร์กับพ่อเขา เขาก็บอกแล้วแต่เรา ”
ยังเป็นสามีภรรยาไหม“ยังเป็นสามีภรรยาตามกฏหมาย”
แล้วความสัมพันธ์หละ“ ก็ดีขึ้นนะคะ เขาเองก็พยายามที่จะกลับมา ”
ก่อนหน้ามีปัญหาการใช้ชีวิตคู่เราก็เลยขอห่างออกมา“ ใช่ค่ะ ”
ได้ปรับจูนไหม“ ไม่ได้เชิงปรับจูน แต่พอเขาได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก ก็คงรู้ว่าจริงๆอะไรสำคัญในชีวิตเขา ”
กลับไปแล้วเข้าใจกันมากขึ้นไหม“ หนูไม่ได้อยู่ในภาวะปรับความเข้าใจกัน แต่เราไม่มานั่งทุกข์กับเรื่องนี้แล้ว เราก็เลยไม่ต้องมานั่งโกรธอะไรกัน มันมาโฟกัสว่าตอนนี้จะทำยังไงให้ชีวิตตัวเองมีความสุข ทำยังไงให้ครอบครัวและลูกมีความสุข ”
งงไหมที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเราหย่า“ มันไม่แปลกหรอกหนูว่า คนไทยหลายๆคน อาจมีแค่ 2 ประเด็น ถ้าไม่อยู่ก็คือต้องหย่า แต่พอเป็นที่ความสัมพันธ์ของเมญ่ากับชาวต่างชาติ คือของชาวต่างชาติจะมีความซับซ้อนและยุ่งยากมากกว่าของคนไทย ”
เราอึดอัดใจไหม“ ไม่ค่ะ หนูรู้สึกว่าการที่หนูเลือกทางนั้นมันสบายใจกว่า แล้วมันกระทบกับครอบครัวน้อยกว่า ลงคิดว่าถ้าเมญ่าเบรกแล้วหย่าเลย มันก็กระทบกับลูกและหลายๆอย่าง แล้ววันหนึ่งคืนดีกันแล้วมาจดทะเบียนกันใหม่ มันตลกอะ ”
ลูกคือสิ่งสำคัญ“ ใช่ค่ะ ”
กลับไปคราวนี้มีข้อตกลงอะไรไหม“ ทั้งสองคนพยายามไม่สร้างข้อตกลงอะไรกัน แล้วค่อยๆให้ต่างคนต่างปรับให้พอดีที่สุด ”
ตอนนี้มาอยู่ไทยกี่เดือน“ รอบนี้มาอยู่เกือบ 3 เดือนแล้วค่ะ พ่อเขาเพิ่งกลับไป เขาตามมา 2 อาทิตย์ มาทำงานแล้วก็ไปเที่ยวกัน ”
แสดงว่าก็ใช้ชีวิตปกติ“ ปกติค่ะ พ่อแม่ลูกเลย ”
ใช้คำว่าคืนดีได้ไหม“ พยายามปรับตัวดีกว่า เพราะมันไม่ 100% ”
ก่อนหน้านี้คนมองเราเป็นซิงเกิ้ลมัม“ มันไม่ได้เชิงซิงเกิ้ลมัม เหมือนเราโฟกัสกับลูกคนเดียว ตอนนั้นโฟกัสครอบครัว มีสามี มีลูก พอมันมีจุดที่ทำให้เราไม่อยากทุกข์ก็เลยถอยดีกว่า แต่ไม่ให้มันกระทบกับภาพรวมของครอบครัว แบบหนักหนา ”
ปัญหาที่ผ่านมาเป็นรอยร้าวในใจไหม“ มันเป็นค่ะ แต่ว่าพอถึงจุดหนึ่งที่เราให้อภัยเขาได้แล้ว ก็รู้สึกว่าไม่รู้จะมานั่งโกรธอะไรแล้ว ถามว่าหายไหมแผลนั้น ไม่หายหรอก ”
เรื่องผู้หญิงหรอ“ มันก็เรื่องง่ายๆที่ทุกคนคิดอยู่แล้วแหละ มันไม่ใช่มือที่ 3 แต่เป็นเรื่องความไม่ซื่อตรงมั้ง ”
ตอนนี้ได้รับความมั่นใจไหม“ ไม่ค่ะ แต่เขาก็พยายามสร้างความมั่นใจ แต่สำหรับบางคนที่ให้ไป 100% พอมันเจ็บ มันก็ต้องใช้เวลาเนอะ ความรักมันใช้เวลาก่อร่างสร้างตัว กว่ามันจะมีความมั่นคง แล้วสมมติว่าวันหนึ่งมันถูกแตกไป มันก็จำเป็นที่จะสร้างหนักกว่าเดิม ”
การกลับไปครั้งนี้ นอกจากให้อภัยเขาแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นได้แก้ไขไหม“ในความรู้สึกของเมญ่า การให้อภัยมันคลีนแล้วในความรู้สึกของเราในการที่เราได้ใช้เวลาด้วยกัน เจอหน้ากัน มันไม่ทำร้ายจิตใจของกันและกัน ไม่พยายามบั่นทอนใจกันเอง”
โชคดีที่เรามีลูกทำให้กลับมาคุยกันอีกครั้ง“โชคดีมากค่ะ”
เขาสร้างความเชื่อใจให้เราเอง โดยที่เราไม่ต้องขอให้เขาทำใช่ไหม“หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นผ่านไป เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขากับลูก เขารักลูก ดูแลลูกมากขึ้นจากที่เมื่อก่อนไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์อะไรกันมาก แต่ตอนนี้เห็นว่าเขาสนใจลูก ดูแลลูกมากขึ้น เราก็มีความสุข”
เรากลัวจะซ้ำรอยเดิมหรือเปล่า“ไม่โฟกัสค่ะ ตอนนี้เราสบายใจที่ไม่ต้องคาดหวังว่าเขาจะต้องเป็นพ่อแบบนี้ หรือว่าเป็นสามีแบบนี้ เมญ่ารู้สึกว่าเราเป็นผู้ปกครองของลูกและก็เป็นเพื่อนร่วมชีวิตกันไปตอนนี้เท่านี้ก่อน”
จะได้กลับไปเมื่อไหร่เพราะสถานการณ์โควิด-19ในตอนนี้“ตอนแรกหนูซื้อตั๋วไว้สิ้นเดือนนี้ กำลังดูว่าเขาจะปิดประเทศมั้ย ตอนนี้เขาอยู่สเปน หนักหน่วงด้วย”
ณ ตอนนี้สถานะเราคืออะไรกัน“คนจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของหนูใช่มั้ย เอาชัดๆว่า ก่อนหน้านี้คือการลดสถานะความสัมพันธ์ในความรู้สึกของเราและความรู้สึกของเขาเพื่อที่จะสบายใจ แต่ตอนนี้เขาพยายามที่จะปรับตัวและทำให้เราสบายใจขึ้น แต่เราก็ไม่ใช่ว่าปฏิเสธ ก็เข้าใจว่าเขาพยายามนะ แต่เราขอไม่คาดหวังแล้วกันเนาะ และก็ใช้ชีวิตแบบที่มีความสุขกันได้นี่แหละไปก่อน”
แสดงว่ากลับมาเป็นสามีภรรยากันอีกครั้ง“มันก็เป็นไปได้ ตามกฎหมายมันก็เป็น แต่ว่าในชีวิตจริงถามว่าใจเราเต็มร้อยมั้ย ก็ยังไม่เต็มร้อย ถามว่ายังรักเขาอยู่ไหม มันก็รักแหละ แหม อยู่กันมาตั้งหลายปี ลูกก็มีเนาะ”
ถ้าไม่เกิดสถานการณ์โควิด เราจะวางแผนชีวิตยังไงบ้าง“ตอนแรกเมญ่ากะว่ากลับมาตั้งใจทำงานๆ พอถึงเวลาที่พ่อเขามีจังหวะก็พาลูกไปอยู่กับเขาและเราก็ไปอยู่กับเขาด้วย เพราะว่าการที่เราได้กลับสเปนคือการดีท็อกซ์ร่างกายชีวิต สมอง ทุกอย่างดี”
ที่ผ่านมาอย่างภาษาชาวบ้านเรียกว่า ผัวเมียทะเลาะกัน“ผัวเมียทะเลาะกันมันใช่ แต่ว่าผัวเมียพยายามรักษาครอบครัวที่แตกต่างกันจากคนไทยปกติ ชีวิตผัวเมียมันมีกัดกันธรรมดา มีปัญหากันเป็นปกติ แต่เวลามีปัญหากันมันมีวิธีการแก้ปัญหากันแต่ละครอบครัว วิธีนี้ที่เมญ่าใช้ คือวิธีที่เมญ่าคิดว่าจะสามารถพยุงครอบครัวเมญ่าไว้ได้ ไม่ใช่ว่า หย่าแล้วค่ะพี่”
แสดงว่าเราไม่ได้คิดอยากจะหย่า“ถามว่าจะหย่าเลยมั้ย ถ้าตอนแรกๆเคยคิด แต่พอมานั่งใช้เวลาคิดเยอะๆ และเรามีลูกด้วย เราเข้าใจที่พอเราบอกว่าลดสถานะความสัมพันธ์แล้วคนมองว่า เมญ่าหย่าผัวแล้ว บางคนเข้ามาคอมเม้นต์ด้วย ซึ่งเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็พยายามอธิบายเพราะเราพูดแต่ฝ่ายเดียว พยายามรักษาให้มันดีที่สุด”
กลับมาคุยกันนานหรือยัง“มันก็คุยกันอยู่ตลอดเพราะว่าเป็นครอบครัว แต่ว่าเพิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาประมาณเดือนที่ผ่านมา”
เขาต้องพิสูจน์อีกนานมั้ยสำหรับเรา“หนูไม่อยากโฟกัสอะไรเลย ไม่อยากคาดหวังอะไรจากความรักครั้งใหม่กับเขาตอนนี้ มันก็คือความรักเดิมที่รอดูความเปลี่ยนแปลง ความรักของคนปกติมันมีอยู่แล้วที่อัพแอนด์ดาวน์ จะอัพแล้วมันดาวน์ขนาดไหน ประกอบร่างจะต่อกันไปได้มั้ย มันเป็นเรื่องอนาคต แต่ตอนนี้คือมีความสุขกับครอบครัว”
ที่บอกว่าเขาดูแลลูกดีขึ้น เขาเปลี่ยนแปลงไปเยอะขนาดไหน“ในมุมที่เราดูรู้สึกว่า เวลาเราเห็นเขากับลูกตอนนี้ เรามีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน เราไม่ต้องมานั่งกังวลว่า ทำไมไม่ยุ่งกับลูกเลย”