ชาวเบลเยียมต้องอยู่แต่ในบ้านนับตั้งแต่เที่ยงวันของวันพุธ(18มี.ค.) ไปจนถึงอย่างน้อนวันที่ 5 เมษายน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) จากคำแถลงของนายกรัฐมนตรีโซฟี วิลเมส ในวันอังคาร(17มี.ค.)
นายกรัฐมนตรีหญิงระบุว่ามีเพียงชาวบ้านซึ่งจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์เท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้าน เช่นเดียวกับออกกำลังกายเป็นเวลาสั้นๆ หรือทำงานในธุรกิจบางอย่างที่ผ่านการพิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็น อย่างเช่นตามตลาดขายอาหารและร้านขายยา
มาตรการที่เข้มข้นของเบลเยียมเป็นไปตามความเคลื่อนไหวแบบเดียวกันของเพื่อนบ้านอย่างฝรั่งเศส ในณะที่ยุโรปกำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วมากกว่า 7,800 คน
คำแถลงของ วิลเมส ไม่ขึ้นไม่นานหลังจากเธอร่วมประชุมทางไกลกับผู้นำอื่นๆของสมาชิก 26 ชาติอียู ซึ่งระหว่างการพูดคุยกัน บรรดาผู้นำเห็นพ้องประสานงานความร่วมมือในการดำเนินมาตรการต่างๆเพิ่มเติมอย่างเต็มที่
"ขอร้องให้พลเมืองอยู่แต่ในบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด ยกเว้นแต่ไปพบแพทย์ ไปร้านค้าเพื่อซื้ออาหาร สำนักงานไปรษณีย์ ธนาคาร ร้านขายยา สถานีบริการน้ำมัน หรือออกไปช่วยใครบางคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ"
เธอบอกต่อว่าชาวเบลเยียมสามารถออกมาข้างนอกเพื่อสูดอากาศสดชื่นและออกกำลังกายช่วงสั้นๆได้ แต่ต้องออกมาเพียงลำพังหรือกับคนใกล้ชิดที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันเท่านั้น หลังจากก่อนหน้านี้ร้านอาหารและบาร์ต่างๆถูกปิด มีเพียงร้านสั่งซื้อแบบหิ้วกลับบ้านเท่านั้นที่ยังเปิดให้บริการได้
แม้ซูเปอร์มาร์เก็ตยังคงเปิดให้บริการ แต่พวกลูกค้าได้รับคำแนะนำให้เข้าไปจับจ่ายใช้สอยก็ต่อเมื่อซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นๆมีพื้นที่มากสำหรับลูกค้ารายหนึ่งต่อ 10 ตารางเมตรและไม่ควรอยู่ในนั้นเกินกว่า 30 นาที
หากสามารถทำได้ บริษัทต่างๆสามารถอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน แต่บริษัทใดที่ไม่สามารถำดำเนินการแบบนั้นได้ ก็ต้องยึดถือกฎเว้นระยะห่างทางสังคมในที่ทำงานและบนระบบขนส่งสาธารณะ
ทั้งนี้บริษัทต่างๆมีสิทธิ์ถูกปรับเงินหากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่
ก่อนหน้านี้การเดินทางเยือนต่างประเทศที่ไม่จำเป็นได้ถูกห้ามไปจนถึงอย่างน้อยวันที่ 5 เมษายน
เบลเยียม ประเทศที่มีประชากร 11.4 ล้านคน พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว 1,243 เคส ในนั้นเสียชีวิต 10 คน