เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนถึงกับต้องขยี้ตาแรงๆ เมื่อเว็บไซต์ NASA Earth Observatory ขององค์การนาซา เผยรายงานพร้อมภาพถ่ายชวนน่าตกใจ เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียม แสดงให้เห็นสภาพของเกาะในฟิลิปปินส์ หลังจากเกิดเหตุ ภูเขาไฟตาอัล (Taal Volcano) ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ปะทุอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ภายหลังจากสงบมานานถึง 43 ปี
การปะทุของภูเขาไฟตาอัลครั้งนี้ ได้พ่นเถ้าถ่านดำทะมึน และลาวา พุ่งสูงขึ้นเหนือท้องฟ้าเป็นกิโลเมตร จนสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ในวันและสัปดาห์ต่อมาหลังจากการปะทุ เถ้าถ่านที่เปียกและมีน้ำหนักตกลงสู่พื้นที่โดยรอบ ส่งผลให้พืชพรรณที่เคยเขียวชอุ่ม กลายเป็นเหี่ยวแห้ง ป่าไม้ทุ่งหญ้าที่เคยเขียวขจี เปลี่ยนเป็นสีเทาน่าสะพรึง
ภายหลังจากผ่านไป 2 เดือน พื้นที่ที่ได้รับเสียหายจากเถ้าถ่านยังคงมีสภาพเป็นเช่นเดิม ความเขียวไม่กลับมา จากภาพถ่ายดาวเทียมวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ภูมิทัศน์ของเกาะดังกล่าวดูมีลักษณะคล้ายกับพื้นผิวดวงจันทร์มากกว่าจะเป็นเกาะ เมื่อเทียบกับภาพก่อนเกิดเหตุ ที่ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ข้อมูลระบุว่า เถ้าถ่านของภูเขาไฟ ไม่เหมือนกับเถ้าถ่านเบาบางจากไฟไหม้ป่า หรือเถ้าถ่านจากเศษไม้และกระดาษตามที่เคยเห็นทั่วไป แต่มันประกอบไปด้วยหินและแก้วชิ้นเล็ก ๆ ที่มีลักษณะแข็ง มีคม มีฤทธิ์กัดกร่อนบาง ๆ และไม่ละลายในน้ำ เมื่อเถ้าถ่านภูเขาไฟจำนวนมากเหล่านี้ตกมายังพื้น จึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อทั้งพืช สัตว์ และผู้คน และยิ่งในกรณีของภูเขาไฟตาอัล เถ้าถ่านของมันเปียกและมีน้ำหนักพอที่จะพื้นผิวที่มันไปสัมผัสกลายเป็นโคลนสีเทา ก่อนจะแห้งและแข็งตัวเหมือนกับปูนซีเมนต์
จากการรายงานเผยว่า เถ้าถ่านของภูเขาไฟ ทำลายพืชผลทางการเกษตร ทั้งกาแฟ ข้าว ข้าวโพด โกโก้ และกล้วย รวมทั้งการปศุสัตว์ในพื้นที่ ได้รับความเสียหาย มูลค่ารวม 577 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ หรือประมาณ 350 ล้านบาท อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อปลาทะเลที่ชาวประมงเพาะเลี้ยงไว้หลายพันแห่งในทะเลสาบตาอัล โดยประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของปลาเหล่านี้ ถูกทำลายในช่วงที่เกิดภูเขาไฟปะทุ