จีนเตรียมส่ง “ฟาวิพิลาเวียร์” ให้ไทยอีกแสนเม็ด

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประจำวัน ว่า วันนี้ มีผู้ป่วยใหม่ 50 คน รวมผู้ติดเชื้อ 322 คน แบ่งผู้ป่วยรายใหม่เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 41 คน ได้แก่
– กลุ่มสนามมวย เพิ่ม 18 คน (หลายจังหวัด หลายหน้าที่ อาทิ ผู้ชม เซียนมวย ครูมวย พนักงานสนามมวย)
– กลุ่มสถานบันเทิง เพิ่ม 5 คน (ทองหล่อ รามคำแหง)
– กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยเดิม เพิ่ม 12 คน (หลายอาชีพ ***ในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 6 เดือน รวมอยู่ด้วย 1 คน)
– กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมทางศาสนา เพิ่ม 6 คน (จ.ปัตตานี และสงขลา)

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ 9 คน ได้แก่
– ผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ (คนไทย 2 คน มาจากอังกฤษ เป็นนักศึกษาและพนักงานราชการ)
– ชาวเมียนมา 2 คน
– ผู้ทำงานในสถานที่แออัด หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 2 คน (ไกด์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย)
– กลุ่มรอผลสอบสวน 3 คน

มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 1 คน เป็นชาวฝรั่งเศส รวมรักษาหาย 43 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 278 คน ผู้ป่วยอาการหนัก 3 คน เสียชีวิต 1 คน ผู้ป่วยสะสมในประเทศไทยขณะนี้ 322 คน

ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีสาธารณสุข เปิดเผยถึง ความพร้อมด้านการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด 19 ขณะนี้ ไทยได้รับความร่วมมือจากทางการจีน ช่วยสนับสนุน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อ เนื่องจากรัฐบาลไทย ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยชาวจีน ที่ป่วยในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ รวมทั้งจะสนับสนุน ข้อมูลเอกสารทางวิชาการ เพื่อให้แพทย์ไทย ใช้ศึกษาหาวิธีป้องกันโรค ตลอดจนไฟเขียวให้ประเทศไทย ได้จัดซื้อ ยาฟาวิพิลาเวียร์ จำนวน 1 แสนเม็ด โดยจะให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดซื้อในนามหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นเงื่อนไขจากทางการจีน เพื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วย

เท่ากับว่า ขณะนี้เราจะมียาฟาวิพิราเวียร์ สำรองรักษาผู้ป่วยแล้วทั้งหมด 1 แสน 8 หมื่นเม็ด แม้ยาตัวนี้ จะไม่ได้รักษา โรคโควิด 19 โดยตรง แต่มีสรรพคุณช่วยทำให้การติดเชื้อทุเลาลง และ อาการปอดอักเสบดีขึ้น

ขณะนี้ ต้องยอมรับว่า ประเทศไทย มีความพร้อมเกือบทุกด้านเกี่ยวกับการรับมือโรคโควิด 19 แต่ยังต้องขอความร่วมมือจากประชาชนด้วยเช่นกัน ซึ่งหากไม่ได้ความร่วมมือก็จะมีการยกระดับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น