ความคืบหน้ากรณีที่ นางสาง สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี ชาว ตำบลศรีภูมิ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่ามีเจ้าหน้าที่เปลหรือเจ้าหน้าที่เข็นรถผู้ป่วย ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้แอบขโมยกดเงินที่ลูกสาวส่งมาให้หายไป 5,000 บาท เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา หลังจากไปฟอกไตที่โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว
โดยป้าสุนันท์ บอกว่า ตนเองเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นคนพิการ ส่วนสามีก็ทำไม่เป็น จึงวานให้เจ้าหน้าที่เปลของโรงพยาบาลช่วยไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ที่ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลให้ แต่เจ้าหน้าที่เปลคนดังกล่าวกลับเดินมาบอกว่า เงินในบัญชีมีแค่ 1,000 บาท ทั้งที่ลูกสาวยืนยันว่าโอนมาให้ 5,800 บาท บวกกับเงินที่เหลือในบัญชีอีก 287 บาท ก็น่าจะมีเงินในบัญชี 6,087 บาท จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากแอบถอนไปจริงก็ขอให้นำมาส่งคืน เพราะเป็นเงินที่ต้องนำใช้หนี้ค่านมหลานที่เซ็นร้านค้าในหมู่บ้านไว้ และอีกส่วนก็จะเป็นไว้ประทังชีวิต
ทางด้าน ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้มาแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา และหลังจากป้าผู้เสียหายมาแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่เปลที่ถูกกล่าวหาก็ได้เดินทางเข้ามาพบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้แอบกดเอาเงินของป้าตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ก็ได้ทำหนังสือประสานไปยังธนาคารทั้ง 2 แห่งที่มีตู้ เอทีเอ็ม ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาล เพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานว่าใครเป็นคนใช้เอทีเอ็ม กดถอนเงินในวันดังกล่าว
ซึ่งจากเอกสารสเตทเมนท์ที่ทางผู้เสียหายไปติดต่อขอจากทางธนาคารมายื่น พบว่ามีการโอนเงินเข้ามาในบัญชีจำนวน 5,800 บาท ในวันที่ 17 เม.ย. และมีการถอนเงินออก 2 ครั้ง ครั้งแรก 5,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 1,000 จริง แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถอน เนื่องจากเป็นการถอนผ่านบัตร เอทีเอ็ม ดังนั้นก็ต้องรอภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานยืนยัน
ล่าสุดมีรายงานว่า จากการประสานข้อมูลตรวจสอบกับสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า ระบบตู้ ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ ขัดข้องในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทางธนาคาร ได้โอนเงินกลับไปคืนป้า ฟอกไต จำนวน 5000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พนักงานเปลพ้นข้อกล่าวหาจากสังคม
ก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนต่างก็สาบานว่า ไม่ได้เป็นคนที่ขโมยคุณเงินป้าไป
ขอบคุณ บิ๊กเกรียน