กระท้อนในภาคอีสานเรียกว่า หมากต้อง และบักต้อง ภาคเหนือเรียกว่ามะตึ่น
และมะต้อง ภาคใต้เรียกว่า ล่อน เตียน สะตียา สะตู และสะโต
ส่วนแถบมลายูเรียกว่า แซนทอล มีชื่อสามัญว่า Santol ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Sandoricum koetjape (Burm.f.) Merr.


- ถิ่นกำเนิดของกระท้อนอยู่ในแถบมลายูและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริเวณ
ใกล้เส้นศูนย์สูตร พบในประเทศไทย 2 ชนิด คือ กระท้อนป่า (Sandoricum
Koetjape Merr.) และกระท้อนหวาน (Sandoricum indicum Cav.)
สมัยก่อนคนไทยนิยมปลูกกระท้อนในสวนและตามบ้าน
เพื่อเอาไว้เก็บกินผลและอาศัยร่มเงา
- กระท้อนเป็นไม้ยืนต้นทรงพ่มขนาดกลางถึงใหญ่มีอายุยืนยาวนับร้อย
ปี ใบขนาดใหญ่ ปลายใบแหลมสีเขียวเข้ม ดอกกระท้อนออกเป็นช่อ
แต่ละช่อมีดอกเล็ก ๆ สีขาวครีม
ผลกระท้อนมีรูปทรงค่อนข้างกลมหรือกลมแป้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 10-15
ซม. ผลดิบสีเขียว ผิวเกลี้ยงผลสุกสีเหลืองทอง หรือสีน้ำตาลอ่อน ผิวหยาบ
มีรอยย่นบนผิวตามแนวยาวของผล
ส่วนเนื้อติดเมล็ดสีขาวเป็นปุยเนื้อกระท้อนเกาะกันเป็นพู แต่ละผลมีประมาณ
3-5 พู แต่ละพูมี 1 เมล็ด เนื้อกระท้อนรสหวานอมเปรี้ยว บางพันธุ์หวาน
บางพันธุ์เปรี้ยว เนื้อที่ติดกับเปลือกสามารถนำมากินได้ รสเปรี้ยวอมฝาด
กระท้อนที่ให้ผลในปีแรกจะมีจุกยื่นออกมาตรงบริเวณขั้ว
เรียกกระท้อนปีแรกนี้ว่า สอนเป็น เมื่อออกผลได้ 4-5 ปี
กระท้อนจะให้ผลกลมแป้น ไม่มีจุก แม้รูปทรงจะเปลี่ยนไป
แต่รสชาติยังคงเหมือนเดิม
- กระท้อนเป็นไม้ผลที่สามารถทนแล้งได้ดีเยี่ยม
ให้ผลผลิตช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศ
กระท้อนปลูกมากที่จังหวัดนนทบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี พิษณุโลก
และสุราษฎร์ธานี การดูแลรักษา ควรมีการให้น้ำ ตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ย
และการกำจัดวัชพืช
- กระท้อนกินได้ทั้งเนื้อที่เป็นปุยสีขาวและเนื้อไต้เปลือกนิยมกิน
เป็นผลไม้สดจิ้มพริกกับเกลือ หรือน้ำปลาหวาน
ใช้ปรุงเป็นอาหารคาวหวานได้หลายชนิด เช่น แกงกบกระท้อน แกงอ่อมปลาดุก
แกงฮังเลกระท้อน แกงคั่วกระท้อน (แทนสับประรด) ผัดเมี่ยง ตำกระท้อน
กระท้อนทรงเครื่อง กระท้อนลอยแก้ว น้ำกระท้อน กระท้อนดอง
กระท้อนในน้ำเชื่อม กระท้อนแช่อิ่ม แยมกระท้อน กระท้อนกวน
และเยลลี่กระท้อน เป็นต้น
- กระท้อนที่นิยมปลูกมี 3 พันธุ์ คือ กระท้อนพันธุ์นิ่มนวล
เป็นกระท้อนที่ให้ผลดก ลักษณะผลกลมแป้นขนาดปานกลาง ผิวเปลือกเรียบ
มีสีขาวอมน้ำตาล เปลือกบาง เนื้อหนานิ่ม
รสหวานอมเปรี้ยวมีปุยหุ้มเมล็ดหนาฟู รสหวานจัด เมล็ดมีขนาดปานกลาง
กระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย เป็นกระท้อนที่กลายพันธุ์มาจากพันธุ์ทองหยิบ
ผลใหญ่ทรงกลมแป้น ไม่มีจก ผิวผลเนียนละเอียด เมื่อจับดูนิ่มเหมือนกำมะหยี่
เนื้อในเป็นปุยสีขาวรสหวานสนิท เก็บผลผลิตช่วงเดือนมิถุนายน
ปลูกมากที่จังหวัดปราจีนบุรี กระท้อนพันธุ์อีล่า
เป็นกระท้อนที่กลายพันธุ์มาจากพันธุ์อีไหว
เหตุที่คนสมัยก่อนเรียกชื่ออีล่า เพราะออกผลช้ากว่าพันธุ์อื่น (ล่า แปลว่า
ช้า ) อีล่ามีผลใหญ่กว่าพันธุ์อื่น ๆ
เมื่อแก่จัดเปลือกนอกจะเป็นสีเหลืองเข้มหรือน้ำตาลอ่อนเปลือกบาง
เนื้อเป็นปุยสีขาวนิ่มมาก ปลูกมากที่จังหวัดนนทบุรีและปราจีนบุรี
อีล่าที่มาจากจังหวัดนนทบุรีมีรสหวานสนิท
ส่วนที่มาจากจังหวัดปราจีนบุรีมีรสหวานอมเปรี้ยวเก็บผลผลิตช่วงเดือน
มิถุนายนถึงกรกฎาคม
คุณค่าอาหารและสรรพคุณ
กระท้อน เป็นผลไม้มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ป้องกันการเกิดมะเร็ง บำรุงโลหิต แก้ลมจุกเสียด
เนื้อกระท้อนอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม เหล็ก ไนอะซิน
วิตามินเอ วิตามินบี 1 และวิตามินซี ใบ ผสมน้ำต้มอาบขับเหงื่อ แก้ไข้
รักษาโรคผิวหนัง ราก ใช้เป็นยาดับพิษร้อนถอนพิษไข้ แก้ไข้มาลาเรีย แก้บิด
แก้ท้องร่วง หรือตำกับน้ำและน้ำส้มสายชู