bkk
.social
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบ
เมืองลึกลับเพตรา
manman
เรื่องลึกลับของโลก
เมืองลึกลับเพตรา
รายงานเนื้อหาไม่เหมาะสมหรือแจ้งลบ (ต้องเป็นสมาชิก)
หัวข้อ:
เมืองลึกลับเพตรา
guest
เพตรา เมืองลึกลับโบราณอันน่าอัศจรรย์
เมืองหินทรายสีชมพู ที่หลบซ่อนในหลืบเขากลางทะเลทราย
สิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 แห่งของโลก ปัจจุบัน
"เพ ตรา เป็นเมืองโบราณอายุนานกว่า 2,000 ปี หายสาบสูญจากสายตาของชาวโลกไปเป็นระยะเวลานาน เพิ่งมาค้นพบได้ไม่นานนัก แต่บัดนี้กลับคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ผลจากการจัดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ 7 แห่งในโลก ครั้งล่าสุดโดยการโหวดทางอินเตอร์เนท จนมีอาการน่าเป็นห่วง ว่าจะเกิดการเสียหายจากการท่องเที่ยวตามมา จนต้องมีการวางแผนป้องกัน เยียวยาความเสียหายที่จะตามมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จากการขีดเขียน ปีนป่าย หรือทำอะไรบ้าๆบอๆ เกินความคาดหมาย เราจะเห็นรปภ.ของเขาขี่ม้าตรวจตราอยู่ในเมือง แต่โทษทีนะครับ ไม่ได้มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวแต่ประการใดครับ เขามาคอยสอดส่องดูไม่ให้นักท่องเที่ยวมือบอน มาทำลายโบราณสถานของเขาต่างหาก
ใน ฐานะของสถาปนิกคนหนึ่ง ผมสนใจเรื่องของเมืองเพตรามานานแล้ว เพราะผมชื่นชอบเรื่องของโบราณสถานต่างๆ โดยเฉพาะที่มีการก่อสร้างอย่างพิเศษ พิสดารนี้ บวกกับความชอบอาคารที่ก่อสร้างด้วยหินต่างๆอีก ทำให้เพตราเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง วันนี้จึงเป็นโอกาสดี นำเรื่องและภาพมาให้ชมกันทั่วๆเลยครับ
เพตรา เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ อยู่ในหุบเขาทางตอนใต้ของ Dead Sea ในประเทศจอร์แดน ต้องใช้เวลานั่งรถจากกรุงอัมมันมา 2-3 ชั่วโมง คำว่า"เพตรา"มีความหมายแปลว่า “หิน” ในภาษากรีก และถ้าคิดว่าเคยผ่านสายตาของคุณๆละก็ คงมาจากภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Last Crusade ที่นำแสดงโดยแฮริสัน ฟอร์ด นั่นเอง ในฉากนั้น เขาถ่ายอาคาร Royal Treasury มาสมมติให้เป็น Holy Temple ที่ซ่อนจอกศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง นักท่องเที่ยวหลายๆคนที่เริ่มมาเที่ยวหลังจากดูหนังเรื่องนี้ ก็เพราะต้องการมาเห็นของจริงที่นี่
เพ ตรา เป็นเมืองที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัย Byzantine ก่อนคริสตกาลถึง 400 ปี โดยพวก Nabateans วิธีการสร้างส่วนใหญ่จะขุดเจาะหน้าผาหินเข้าไปให้เป็นถ้ำหรืออาคารต่างๆ หินที่เจาะออกมา ก็เอามาสร้างเสริมเป็นอาคารภายนอกได้อีก ไม่ได้สูญเสียแรงหรือวัสดุไปเปล่าๆ การก่อสร้างมีความสวยงามละเอียดอ่อน ทั้งสง่างามและอ่อนช้อยจากหน้าผาหินอันแข็งแกร่งใหญ่โตนี้ จนไม่น่าที่มนุษย์จะทำได้ และหน้าผานี้ยังถือเป็นปราการธรรมชาติอย่างวิเศษ ที่คอยปกป้องเมืองจากศัตรูได้อย่างดี เพราะที่นี่นับเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งเมืองหนึ่ง ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในขณะนั้น เพราะอยู่บนเส้นทางค้าขายหลักในสมัยนั้น ด้วยประชากรประมาณ 10,000-20,000 คน แต่ภายหลังสงครามครูเสดสิ้นสุดลง (ประมาณปีค.ศ. 1200) เส้นทางค้าขายก็เปลี่ยนไป เมืองนี้จึงถูกลดความสำคัญลง และทิ้งร้างสาบสูญไปกว่า 700 ปี จึงได้มีนักสำรวจชาวสวิสมาค้นพบ และระบุในแผนที่อีกครั้งเมื่อปีค.ศ.1812
เมือง Wadi Musa
จุดพัก นักท่องเที่ยวหน้าหุบเขา
เริ่มเดินเท้าสักพัก จะผ่านเขื่อนโบราณก่อนสู่หุบเขา
เมื่อ เราเดินทางถึงจุดพักนักท่องเที่ยวของเมือง Wadi Musa ที่อยู่ใกล้หุบเขามากที่สุดนั้น คนที่แรงดีก็สมัครใจเดินเท้าไปเอง ส่วนคนแรงน้อยหรือขี้เกียจก็จะมีพาหนะต่างๆรูปแบบไว้บริการ เช่นม้าหรือรถม้าเล็กๆ แต่ไม่ใช่อูฐ เพราะเขาจะเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเก็บเงินมากกว่า ในช่วงเช้าและบ่ายแก่ๆนั้น จะเป็นช่วงที่น่าชมมากที่สุด เพราะผาหินทรายจะได้รับแสงแดดที่พอเหมาะ และเปล่งสีแดงออกมาเต็มที่ และแสงเงาที่สาดส่องลงมานั้น จะโดนผนังสว่างเป็นบางส่วน ระหว่างทางเดินที่ลึกเข้าไปเรื่อยๆ สร้างบรรยากาศลึกลับซับซ้อน ชวนสงสัยขึ้นไปอีก
สีของหิน และชั้นหินตามธรรมชาติ
จาก ทะเลทรายเวิ้งว้าง เราก็ค่อยๆเดินทางเข้าใกล้หุบเขา ก่อนถึงทางเข้า จะเป็นเขื่อนโบราณที่สร้างขวางหน้าทางเข้า เพื่อป้องกันน้ำท่วมเข้าไปในเมือง จากเขื่อนนี้ ชาว Nabataeans จะขุดเจาะภูเขาเป็นช่องทางผันน้ำออกไปสู่อีกหุบเขาหนึ่ง เพื่อกันน้ำทะลักเข้าตัวเมือง จากนั้นเราจะเดินเข้าไปเรื่อยๆจนถึงซีค ที่เป็นทางเข้าแคบชัน และคดเคี้ยวไปมายาวประมาณ 1,200 เมตร แต่บางจุดกว้างไม่ถึง 2 เมตร ซึ่งถ้าเราเห็น ซีค แล้วก็จะเข้าใจเลยว่าเป็นช่องทางธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว จนกลายเป็นช่องเขาคดเคี้ยว ซึ่งมีข้อดีคือเป็นป้อมปราการอย่างแข็งแรง ตามธรรมชาติ แต่อาจมีข้อเสียคือความแคบของหน้าหา ทำให้ไม่สามารถนำพาหนะใหญ่ๆผ่านไปได้ เมื่อไม่สะดวกหรือคับแคบเกินไปต่อการเจริญเติบโตของเส้นทางค้าขาย การค้าขายก็อาจเปลี่ยนเส้นทางไปผ่านจุดอื่นๆที่สะดวกกว่าได้ จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสื่อมของเมืองและร้างไปในที่สุด
จุดแรกที่เราจะไปโผล่ก็จะพบสิ่งก่อสร้างประหลาดมีสองตอน ตอนบนเป็น the Obelisk Tomb ตอนล่างเป็น Bab as-Siq Triclinium ซึ่งสร้างกันคนละเวลา แท่ง Obelisk นั้นถือเป็นตัวแทนของพระเจ้าและพลังอำนาจ ในระหว่างแท่ง Obelisk จะเป็นช่องประตูสู่สุสาน ส่วน Bab as-Siq Triclinium นั้นใช้เป็นห้องอาหารสำหรับผู้ที่มาทำพิธีศพ แบบโรมัน
พอ ถึงปลายทางเดิน จะเข้าถึงตัวเมือง เราก็จะเห็น Treasury หรือ al-Khazneh ค่อยๆโผล่มาสู่สายตาเราเป็นอันดับแรก และถือเป็นจุดสนใจอันดับหนึ่งของที่นี่ ตัวอาคารTreasury มีความสูงประมาณ 40 เมตร สร้างตอนต้นคริสต์ศตวรรษ โดยสถาปนิกชาว Near-Eastern Hellenistic แต่ไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้าง ว่าเพื่อใช้ทำอะไร แต่ที่เรียกว่า Treasury นั้นคงเป็นเพราะคุณค่าความสวยงามในตัวมันเองมากกว่าที่จะเป็นที่เก็บขุม ทรัพย์มีค่าต่างๆ จากการสันนิษฐานจากนักโบราณคดี คิดว่าน่าจะเป็นศาสนสถาน หรือสุสานหลวงมากกว่าแต่ก็ยังไม่มีข้อสรุป แต่ก็เชื่อกันว่ามีการขุดเจาะเข้าไปในหน้าผาต่างๆ เพื่อสร้างสุสานจำนวนมาก ส่วนพวก Nabataeans เองนั้นเขาไม่อยู่ในถ้ำแบบนี้ เขาจะอยู่ในเต็นท์มากกว่า เช่นชาวเบดูอินในปัจจุบัน
ภายใน Treasury กว้างขวางมาก
ลักษณะสุสานขนาดเล็กของชาวบ้าน
พวก Nabateans เจ้าของเมืองโบราณ ผู้สร้างเมืองนี้ ยังมีเทคโนโลยี่ขั้นสูง ที่สามารถวางระบบประปา มาใช้กับเมืองในทะเลทรายเช่นนี้ จนสามารถสร้างโอเอซิสเทียมขึ้นได้ ทั้งยังสามารถควบคุมระบบน้ำทั้งหมดแบบครบวงจร ด้วยเขื่อนและระบบระบายน้ำ สามรถเก็บกักน้ำ จากน้ำท่วม มาไว้ใช้ในยามแล้ง (เห็นแล้วอายแทนนักการเมืองไทยจริงๆ อีสานนี่ ปล่อยให้น้ำท่วม ฝนแล้ง ซ้ำซากทุกปี ยังไม่มีปัญญาแก้กันเลย) ส่วนที่อยู่ตอนทางเข้าเมืองนี้จะเป็นเขื่อนและประตูระบายน้ำ และแนวผาสูงชันเป็นช่องทางเข้า เรียกว่าซีค ( Siq )
โรงละครกลางแจ้ง ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา
ลวดลายตกแต่งภายใน
โมเสคประดับพื้น อายุกว่า 2,000 ปี
ที่นี่ชาวเบดูอินเรียกว่า "Palace of the Pharaoh's Daughter" ก็คงจะเป็นศาสนสถานเช่นกัน ไม่ใช่วังเจ้าหญิงแต่อย่างใด"
ความคิดเห็น
ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน
ขุมทรัพย์ปริศนาแห่งอุทยานลอสต์
อ่าน 402
7 ปีที่ผ่านมา
7 ปีที่ผ่านมา
แมงกะพรุ่นตัวใหญ่ที่สุดในโลก
อ่าน 397
9 ปีที่ผ่านมา
9 ปีที่ผ่านมา
บิ๊กฟุตตัวสุดท้าย
อ่าน 489
9 ปีที่ผ่านมา
9 ปีที่ผ่านมา
แนะนำblogสาระน่าสนใจ
อ่าน 524
10 ปีที่ผ่านมา
10 ปีที่ผ่านมา
ปรากฏการณ์เห็นผีสางนางไม้
อ่าน 2,456
12 ปีที่ผ่านมา
12 ปีที่ผ่านมา
สฟิงซ์
อ่าน 3,721
13 ปีที่ผ่านมา
13 ปีที่ผ่านมา
เมืองลึกลับเพตรา
อ่าน 5,332
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
ก้อนเนื้อลึกลับจากท้องทะเลลึก
อ่าน 4,316
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
หนังสือ ที่ลึกลับ
อ่าน 2,540
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
ทะเลสาปสุด "มหัศจรรย์"
อ่าน 6,617
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
รวมรูปบ้านเก่าอายุกว่า100ปี
อ่าน 8,308
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
ไอ้ตัวดูดเลือดแพะ
อ่าน 3,270
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
เรื่องลึกลับหินเดินได้
อ่าน 3,637
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
เพลิงลึกลับ คดีปริศนา คนไฟลุก
อ่าน 4,207
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
สัตว์แปลกลึกลับที่ไม่สามารถหาคำตอบได้
อ่าน 8,577
14 ปีที่ผ่านมา
14 ปีที่ผ่านมา
รายงานข้อความไม่เหมาะสม/แจ้งลบ
×
เขียนคำอธิบาย
View profile
Add to close friends
Block
Close