หลายคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานจะรู้ดีว่าหน้านั้นมีส่วนสำคัญมากแค่ไหน เพราะเราต้องดูข้อมูลหรือรายละเอียดต่าง ๆ ของงานที่ทำผ่านทางหน้าจอ หากหน้าจอแสดงข้อมูลออกมาอย่างไม่ถูกต้องมันย่อมจะเกิดปัญหาที่ตามมาภายหลังได้ หรือสำหรับใครที่เป็นนักเล่นเกมส์ตัวยงจะเข้าใจด้านนี้เป็นอย่างดี เพราะในการเล่นเกมส์นั้นภาพ แสง สี และเสียงต้องมีคุณภาพความสอดคล้องกัน มันถึงจะทำให้การเล่นเกมส์เข้าถึงรสชาติแห่งความสนุกได้อย่างแท้จริง จึงได้มีหน้าจอแบบ gaming monitor สำหรับเหล่าเกมส์เมอร์โดยเฉพาะกันเลยทีเดียว พูดแบบนี้หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพว่าหน้าจอแบบ gaming monitor นั้นมันแตกต่างจากหน้าจอแบบ LED ธรรมดาตรงไหน ทำไมถึงบอกว่ามันดีกว่า เอาเป็นว่าถ้าคนไหนที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ตามเรามาดูทางนี้เลยค่ะ
ความแตกต่างของหน้าจอ gaming monitor และหน้าจอ LED แบบธรรมดา
1.LED หรือ Light Emitting Diode เป็นเทคโนโลยีที่นิยมใช้ทั้งในจอทีวีและจอคอมฯ หลักการของ LED ก็คือหลอดไฟขนาดเล็กจิ๋ว Liquid Crystal หรือที่เรียกว่า เม็ดพิกเซล เป็นผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สี อาทิ สีแดง สีน้ําเงิน และสีเขียว ที่มีอยู่นับไม่ถ้วน เวลามีแสงส่องผ่าน ตัวผลึกจะคอยบิดตัวเป็นองศาเพื่อแสดงออกเป็นภาพที่มีสีสันต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้เทคโนโลยีเดียวกัน แต่ทั้งสองกลับมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันมาก โดยจอ LED TV จะให้ความคมชัด ก็ต่อเมื่อเรานั่งในระยะห่างที่เหมาะสม ส่วนจอ Monitor จะให้ความคมชัดตั้งแต่ระยะใกล้เลย
2.จอ LED TV เหมาะสำหรับการที่ต้องนั่งในระยะห่างพอประมาณ ถึงจะเห็นความคมชัด เพราะถ้าดูระยะใกล้ จะเห็นภาพเป็นจุดเล็ก ๆ (หรือเม็ด Pixel) เรียงรายมากมาย ซึ่งหากมองนาน ๆ อาจส่งผลเสียต่อสายตาได้ด้วย มีจุดเด่นที่ความสว่างมากเป็นพิเศษ และมีสีสันจัดจ้านกว่าจอ Monitor พอสมควร ทำให้เหมาะสำหรับการดูหนังมากกว่า สืบเนื่องจากจอ LED TV จะมีการปรับแต่งภาพที่ได้รับให้มีความคมชัด ช่วยให้รับอรรถรสจากการดูหนังได้ดียิ่งขึ้น
จอ Monitor เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะใกล้ สืบเนื่องจากตัวจอมีเม็ด Pixel ที่ละเอียดกว่าจอ LED TV มาก ทำให้มองเห็นความคมชัดได้จากระยะใกล้ได้ดีกว่า อีกทั้งค่าความสว่างน้อยกว่าจอ LED TV จึงช่วยถนอมสายตามากกว่า เหมาะสำหรับเล่นเน็ต อ่านแชท อ่านบทความออนไลน์ เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ปวดตา
ดังนั้นเมื่อเทียบดูถึงความ...ต่างของหน้าจอแบบ LED ธรรมดากับหน้าจอ gaming monitor แล้วนั้นทั้งสองอย่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน เราสามารถเลือกนำมาใช้แทนกันได้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของผู้ใช้งานแต่ละคน แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรเลือกใช้งานหน้าจอให้เหมาะสมกับงานที่ทำจะดีกว่า เพื่อที่จะได้รับประสิทธิภาพของการแสดงผลของหน้าจอในแบบนั้น ๆ ได้ดีที่สุดค่ะ