การปรับตัวของอาร์เอส สู่ความสำเร็จในปัจจุบัน

เมื่อพูดถึง RS เชื่อว่าหลายคนก็คงจะติดภาพองค์กรหรือบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ของประเทศแห่งยุค 90 และยังเป็นบริษัทที่เคยประกาศจุดยืนในการเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจร และตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจสื่อบันเทิงทุกชนิดทั้งรายการวิทยุ โทรทัศน์ ละคร ภาพยนตร์ และยังสร้างศิลปินในสังกัดให้เป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในแวดวงบันเทิงในยุคนั้นอีกมากมาย ความสำเร็จของ RS ในครั้งนั้นทำให้ผู้บริหารค่ายอาร์เอสสามารถนำบริษัทอาร์เอสโปรโมชันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในหมวดของสื่อสิ่งพิมพ์ (Media and Publishing) ได้ในที่สุด โดยมีธุรกิจประกอบการอยู่ 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจสื่อ ธุรกิจเพลง และธุรกิจผลิตภาพยนตร์และละคร ซึ่งอาร์เอสนั้นประสบความสำเร็จสร้างรายได้ให้บริษัทนับหลักพันล้านบาท

[b] ธุรกิจบันเทิงถึงทางตันถึงเวลาต้องปรับตัว[/b]
แต่แล้วเมื่อ 2 ปีถัดมา ประมาณปี พ.ศ.2547 RS และบริษัทค่ายเพลงดังอื่น ๆ ก็มาถึงทางตัน เมื่อต้องมาพบกับปัญหาการเข้ามาของเทปผีซีดีเถื่อนและการโหลดเพลงลง MP 3 สถานการณ์นี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำยอดขายของอาร์เอสที่เคยพุ่งไม่หยุดนั้นลดฮวบฮาบลง และแม้ว่าจะสามารถแก้ไขสถานการณ์โดยการตั้งค่ายเพลงที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะอย่าง “กามิกาเซ่” ก็ไม่อาจต้านกระแสของสิ่งใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับความทันสมัยและความสะดวกสบายได้ จนในที่สุดปี พ.ศ. 2560 RS ก็ได้ทำการปิดตัวค่ายเพลงกามิกาเซ่ลงอย่างเป็นทางการ หลังพยายามประคับประคองมาได้จนถึงปีที่สิบ

ในระหว่างนี้นี่เองก่อนที่ค่ายเพลงอาร์เอสจะปิดตัวลง ผู้บริหารอาร์เอสก็ได้เริ่มมีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่จากธุรกิจบันเทิงกลายมาเป็นธุรกิจสุขภาพและความงามซึ่งนับว่าเป็นการ Transform ครั้งสำคัญและอาจนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนธุรกิจบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment) มาเป็นธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนหน้านี้ RS นั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาก่อนแล้วกับการเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อนั่นก็คือสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและการเข้าประมูลใบอนุญาตเป็นทีวีดิจิทัลโดยมีช่องทีวีเป็นของตัวเองและบริษัทมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวนี้ถึง 78 เปอร์เซ็นต์

[b]Entertainmerce กลยุทธ์สำคัญสู่ความสำเร็จ[/b]
แม้ธุรกิจบันเทิงจะถูกวางมือลงและถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่คงจะไปต่อไม่ได้แล้ว แต่ผู้บริหารอาร์เอสก็ไม่ได้ทิ้งธุรกิจดังกล่าวเสียทีเดียว ตรงกันข้ามอาร์เอสกลับนำเอาประสบการณ์ที่เคยประสบความสำเร็จจากการประกอบธุรกิจดังกล่าวมาผนวกและปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจตัวใหม่นั่นก็คือธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) และรวมกันเป็นโมเดล entertainmerce ซึ่งกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่นำพาความสำเร็จอย่างสูงมาสู่บริษัท บวกกับที่บริษัทนั้นเป็นเจ้าของสื่อหลายช่องทางอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นทีวีช่อง 8 ช่องวิทยุ คอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์ สื่อโซเชียล ช่องทางรีเทลร้านค้า และช่องทางขายตรงที่ให้ประชาชนเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ ประกอบกับการมีสินค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องสำอาง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ไปจนถึงวัตถุมงคล จากช่องทางหลากหลายของสื่อและสินค้าดังกล่าว RS จึงตั้งชื่อกลุ่มธุรกิจของตนว่า “ธุรกิจหลายช่องทาง (MPC)” ซึ่งการนำเอา MPC มาผนวกกับกลยุทธ์ entertainmerce นี้เองส่งผลทำให้บริษัทนั้นสามารถทำกำไรและส่งผลทำให้ราคาหุ้น RS พุ่งทะยานสวนกระแสเศรษฐกิจสมราคา “RS” ผู้ไม่เคยจำนนต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

หากใครอยากรู้จักประวัติ RS เพิ่มเติม คลิกชมได้ที่นี่เลย https://www.rs.co.th/th/ หรือชมวิดีโอคลิกที่นี่ https://youtu.be/V_IQZzk6MeQ