วัยทำงานต้องรู้! 6 วิธีคิด สำหรับชีวิต Work-Life Balance

miniming profile image miniming

วัยทำงานต้องรู้! 6 วิธีคิด สำหรับชีวิต Work-Life Balance

Health Disability Desktop

ทุกวันนี้การสร้างสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิตของเรานั้น แทบจะเป็นไปได้ไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัวเรานั้น ทำให้เราทำงานได้ตลอดเวลาเลยล่ะ จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นตรงกันว่า ความเครียดที่เกิดจากความไม่จบไม่สิ้นของการทำงานนั้นทำให้เกิดผลเสียได้ ไม่ว่าจะในเรื่องของความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง สุขภาพ และความสุขโดยรวม เพราะฉะนั้นการรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการอาชีพได้ฝากเคล็ดลับ 6 ข้อไว้ให้เราได้ปฏิบัติตามดังนี้

1. ปล่อยวางจากความสมบูรณ์แบบ

ชีวิตในวัยเด็กนั้นเราอาจถูกคาดคั้น ถูกจำกัดด้วยการเรียน เช่น เวลาเข้าเรียน เวลานอน เวลาทำงานอดิเรก หรือแม้แต่เด็กบางคนยังต้องทำงานหลังเลิกเรียนอีก กลายเป็นว่าเราต้องแบ่งสรรเวลาให้สมบูรณ์แบบ แต่ด้วยความเป็นเด็ก ความรับผิดชอบก็ยังไม่สูงมาก ทำให้ทุกอย่างดูจะเป็นเรื่องง่ายที่จะควบคุม พอโตขึ้นชีวิตเราก็ซับซ้อนมากขึ้น ไหนจะความรับผิดชอบที่มากขึ้น ไหนจะการงานที่มากขึ้น เพราะฉะนั้นมันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมเวลาให้ได้อย่างสมบูรณ์ และถ้าการทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบนั้นติดเป็นนิสัยแล้ว มันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ ดังนั้นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากทำร้ายตัวเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจคือการลองถอยออกมาจากความสมบูรณ์แบบนั้นซะ แล้วปล่อยวางบ้าง เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก

2. ถอดปลั๊กออกบ้าง

จริงอยู่ที่เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้เราใช้ชีวิตและทำงานได้ง่ายขึ้น แต่ว่ามันก็ทำให้เราติดอยู่กับงานได้ตลอดเวลา วันหยุดก็เหมือนจะไม่ใช่วันหยุดซะทีเดียว แถมการแจ้งเตือนบนมือถือตัวดีจะคอยขัดเวลาพักผ่อนของเราอีกทั้งยังจะนำความเครียดมาให้อีก จนเดี๋ยวนี้มีคำพูดที่ว่า “ปิดมือถือซะ และสนุกกับช่วงเวลานี้กัน” ดังนั้น ลองออกห่างจากเทคโนโลยีที่จะทำให้เราติดอยู่กับงานในเวลาพักผ่อนบ้าง แล้วมาสร้างช่วงเวลาดีๆกับครอบครัว เด็กๆ หรือเพื่อนฝูงกันเถอะนะ

3. ออกกำลังกายนั่งสมาธิ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ!

แน่นอนครับว่าการออกกำลังกายนั่นเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการลดความตึงเครียดจากการทำงาน นอกจากจะทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงแล้ว การออกกำลังกายยังทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข (endorphins) ขึ้นมามากมาย ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น แถมการออกกำลังกายก็ช่วยให้เราเข้าสู่ภาวะที่มีสมาธิมากขึ้นด้วยนะครับ ไม่มีประกันสุขภาพที่ไหนดีเท่ากับการออกกำลังกายอีกแล้วล่ะ เห็นแบบนี้แล้วไม่แบ่งเวลาไปออกกำลังกายไม่ได้แล้วสิเนี่ย

4. แบ่งเวลาให้กับกิจกรรมและคนที่เรารัก

อันดับแรกเราต้องรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต เขียนรายชื่อและกิจกรรมนั้นออกมา แล้วก็สร้างขอบเขตขึ้นเพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่กับคนและกิจกรรมที่เรารักที่สุด และสิ่งไหนที่ไม่ได้สำคัญในชีวิตเราจริงๆ เราก็ควรปล่อยวางไปครับ ไว้มีเวลาว่างจากงาน จากสิ่งที่เรารักจริงๆ ค่อยไปทำ ฟังแล้วอาจดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เห็นแก่ตัวเลยซักนิด มันก็เหมือนกับเหตุการณ์บนเครื่องบินนั่นแหละ ที่เราต้องใส่หน้ากากอ็อกซิเจนให้ตัวเองก่อนที่จะใส่ให้เด็กข้างๆ แล้วถ้ามันกลายมาเป็นเรื่องของครอบครัว เรื่องเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานล่ะก็ ยิ่งถ้าเราดูแลตัวเองได้ดีมากขึ้นเท่าไรก็จะยิ่งทำให้เราดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ดีมากขึ้นเช่นกัน

5. เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของชีวิต

ลองหลับตาแล้วนึกถึงโครงสร้างของชีวิตเราดูสิครับ มีทั้งครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง บางคนไปทำความรู้จักกันบนรถไฟฟ้า บางคนสนิทกับป้าขายหมูปิ้ง ฯลฯ การจะสร้างและรักษาความสัมพันธ์ต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่มั้ยครับ ไหนจะต้องมีกิจกรรมร่วมกัน พูดคุยปฏิสัมพันธ์กันมากมายไม่รู้จบ การจะทำทุกสิ่งทุกอย่างในคราวเดียวกันนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ และแทนที่เราจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ลองเปลี่ยนมาเป็นการทำเฉพาะกิจกรรมที่ส่งผลดีและพิเศษต่อชีวิตเราดีกว่าครับ แล้วจะเห็นว่าวิถีการทำงานกับวิถีการใช้ชีวิตนั้นสามารถทำควบคู่กันไปได้ง่ายมากขึ้นเลยทีเดียว

6. เริ่มจากเล็กๆ ก่อน สร้างจากตรงนั้นแหละ

เชื่อได้เลยว่าเราทุกคนต้องเคยผ่านประสบการณ์ “สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเองหลังวันปีใหม่” ไม่ก็ “ปีใหม่ ตัวตนใหม่ มาสร้างเป้าหมายในปีนี้กันเถอะ!” สุดท้ายพอเข้าเดือนกุมภาพันธ์ก็ลืมกันไปหมด แล้วกลับมาวนลูปเหมือนปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เราเริ่มต้นทำเป้าหมายจากเล็กๆ น้อยๆ ก่อน เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ อย่างเช่น ถ้าเราไม่เคยมีเวลากินข้าวเย็นกับที่บ้านเลยเพราะมัวแต่ทำงานจนดึก อย่าเปลี่ยนแบบกระทันหันแบบอยู่ๆ ก็กลับไป “กินข้าวเย็นกับที่บ้านทั้งอาทิตย์” เพราะเดี๋ยวไม่นานเราก็กลับไปลูปเดิมอีก ลองเปลี่ยนมาเริ่มจากการที่กลับไป “กินข้าวเย็นกับที่บ้านอาทิตย์ละครั้ง” แล้วค่อยๆเพิ่มวันเป็น “กินข้าวเย็นกับที่บ้านอาทิตย์ละสองครั้ง” สร้างความสำเร็จให้กับตัวเองทีละนิด จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ

อ่านเพิ่มเติม : แนะนำเกมสล็อต มาใหม่

ความคิดเห็น

ประกาศล่าสุดในบอร์ดเดียวกัน

3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา
lily9889 Icon Coronavirus: NI students in England can travel home for Christmas อ่าน 330 3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา
lily9889 Icon Covid in Scotland: Teacher worries as absences rise อ่าน 358 3 ปีที่ผ่านมา
3 ปีที่ผ่านมา
4 ปีที่ผ่านมา
4 ปีที่ผ่านมา
4 ปีที่ผ่านมา